ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2557 ธุรกิจขนส่งทางถนนของไทยชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยปริมาณกิจกรรมการขนส่งทางถนนที่สะท้อนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ในภาคการขนส่งทางบก (ณ ราคาคงที่) ในไตรมาสแรกของปี 2557 หดตัวลงร้อยละ 1.6 ทั้งนี้ เนื่องมาจากผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศไม่อำนวย ปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตชะลอตัวลง ทำให้การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนหดตัว รวมถึงตลาดส่งออกที่ยังไม่เติบโตตามที่คาด นอกจากนี้ ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่หดตัวจากมาตรการคืนภาษีรถยนต์คันแรกของรัฐบาลที่ทยอยหมดลง ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้กิจกรรมการขนส่งทางถนนในครึ่งปีแรกไม่เติบโต
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ภาพรวมธุรกิจขนส่งทางถนนของไทย น่าจะกลับมาเติบโตขึ้น ทั้งนี้ เนื่องมาจากปัญหาการเมืองมีทิศทางที่คลี่คลาย รวมถึงการที่ชาวนาเริ่มทยอยได้รับเงินค่าจำนำข้าว น่าจะช่วยให้ชาวนามีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น และสามารถนำเงินเพื่อไปใช้ในการลงทุนปลูกข้าวนาปีในฤดูกาลที่จะถึงนี้ น่าจะส่งผลให้ทิศทางเศรษฐกิจของประเทศในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ แรงหนุนจากการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการค้าชายแดน น่าจะสนับสนุนให้ธุรกิจขนส่งทางถนนของไทยกระเตื้องขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากสัดส่วนการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับจากร้อยละ 5.2 ของการขนส่งระหว่างประเทศทั้งหมดในปี 2550 เป็นร้อยละ 11.1 ในปี 2555 ทั้งนี้ เนื่องมาจากการขยายตัวของการค้าชายแดน และการก้าวย่างเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยธุรกิจการขนส่งทางถนนระหว่างประเทศของไทยยังคงมีโอกาสอีกมาก เนื่องจากประเทศไทยมีความได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ที่มีพรมแดนติดกับประเทศอาเซียนถึง 4 ประเทศ จึงเป็นจุดแข็งสำคัญที่ไทยจะสามารถเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางถนนของภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเมืองจะเริ่มคลี่คลาย แต่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ทั้งนี้ น่าจะส่งผลให้ธุรกิจขนส่งทางถนนของไทยรวมทั้งปี 2557 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2556 เล็กน้อย โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ในภาคโลจิสติกส์ทางถนน (ณ ราคาปีปัจจุบัน) ในปี 2557 จะมีมูลค่า 239,200-242,500 ล้านบาท โดยขยายตัวร้อยละ 2.4-3.8 ซึ่งชะลอลงจากปี 2556 ที่มีมูลค่าประมาณ 233,600 ล้านบาท หรือขยายตัวร้อยละ 6.8
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น