โดยทั่วไปแล้วคนไทยส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างคึกคักในช่วงเดือนเมษายนและตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคการศึกษาของบุตรหลานและช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน รวมถึงช่วงวันหยุดยาวในวันสำคัญและเทศกาลต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในภาวะที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยซบเซาลงในช่วงครึ่งแรกปี 2557 อันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศของไทย ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่อง
ด้านการท่องเที่ยวต่างเร่งดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยมาชดเชยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแก่ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว อย่างไรก็ดี สภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยของไทย ส่งผลให้คนไทยจำนวนไม่น้อยต่างใช้จ่ายกันอย่างระมัดระวัง และแสวงหาเครื่องยึดเหนี่ยวด้านจิตใจกันมากขึ้น โดยเฉพาะการทำบุญไหว้พระในโอกาสต่างๆ รวมทั้งในเทศกาลงานบุญประเพณีต่างๆ ของไทย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ดำเนินการสำรวจพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในช่วงวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษาของคนกรุงเทพฯ ในลักษณะการสำรวจเชิงคุณภาพ โดยมีกลุ่มตัวอย่างที่ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพหลัก และทุกช่วงอายุ ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญ คือ พฤติกรรมของคนกรุงเทพฯ ที่ส่วนใหญ่ยังคงมีแผนทำกิจกรรม/ทำบุญในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปี 2557 และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่ปรับแผนการทำกิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน อาทิ เลือกไปทำบุญไหว้พระตามวัดใกล้บ้านในกรุงเทพฯ เลือกกิจกรรมที่ใช้งบประมาณไม่สูง (อาทิ ไหว้พระขอพร) อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มตัวอย่างบางส่วนที่ถวายเทียนพรรษา/หลอดไฟ ถวายปัจจัย/สังฆทานตามกำลังศรัทธา และถวายผ้าอาบน้ำฝนเพื่ออนุรักษ์ประเพณีงานบุญในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่สืบทอดกันมาช้านาน
ขณะที่คนกรุงเทพฯ อีกส่วนเลือกใช้โอกาสในช่วงวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษาเดินทางไปยังปลายทางท่องเที่ยวระยะใกล้ภายในประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากการจัดงานเทศกาลเข้าพรรษาอย่างยิ่งใหญ่ในหลายพื้นที่ และการจัดรายการโปรโมชั่นอย่างเข้มข้นของธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสายการบิน รวมถึงธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง (เช่น ธุรกิจผู้ให้บริการบัตรเครดิต เป็นต้น) รวมทั้งกลุ่มคนกรุงเทพฯที่มีภูมิลำเนาในต่างจังหวัดบางส่วนเดินทางกลับบ้านในต่างจังหวัด เพื่อร่วมงานบุญประเพณีในเทศกาลเข้าพรรษา ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คนกรุงเทพฯ ที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลเข้าพรรษาปี 2557 คาดว่าสร้างเม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ซึ่งชะลอตัวจากที่เติบโตร้อยละ 6.7 ในปี 2556 โดยส่วนใหญ่จะเลือกไปยังปลายทางระยะใกล้ทั้งแบบค้างคืนและแบบเช้าไป-เย็นกลับ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น