สำหรับในปี 2558 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ธุรกิจขนส่งทางถนนของไทยน่าจะมีความคึกคักขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงระยะข้างหน้ามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐ และโครงการลงทุนภาคเอกชนมีทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนเริ่มทยอยฟื้นตัว นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดีเซลที่ลดต่ำลงมีส่วนช่วยลดภาระต้นทุนด้านพลังงานของภาคการขนส่ง รวมถึงทิศทางการลดลงของราคาพลังงานโดยรวมที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคลงไปได้บางส่วน ก็น่าจะเป็นผลดีต่อภาวะการบริโภค
สำหรับทิศทางของผู้ประกอบการขนส่งทางถนนของไทยในปีนี้ ได้มีการปรับตัวและปรับกลยุทธ์โดยการมุ่งการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิต และบริการของไทยที่เข้าไปลงทุนในประเทศแถบอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศไทย หรือสามารถเดินทางผ่านแดนโดยการคมนาคมทางถนนได้ โดยในปีนี้นับว่าธุรกิจขนส่งของไทยน่าจะเติบโตขึ้นจากโอกาสที่ท้าทายจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะโอกาสของธุรกิจการขนส่งผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหารด้วยการควบคุมอุณหภูมิหรือ Food Cold Chain ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและสามารถเติบโตได้อีกมาก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงจะส่งผลบวกต่อธุรกิจขนส่ง แต่คาดว่าในระยะข้างหน้าอัตราค่าขนส่งจะไม่ได้ปรับตัวลงมากนัก เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มทรงตัว และนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานของรัฐที่ลดการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันและเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล อีกทั้งผู้ประกอบการยังคงต้องเผชิญความท้าทายจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูง และการเข้ามาในตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่จากต่างชาติ ซึ่งมีความพร้อมในด้านเงินทุนและเทคโนโลยีที่เล็งเห็นโอกาสที่สดใสจาก AEC เช่นเดียวกัน ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันจากต่างประเทศที่หลากหลายที่มีจุดแข็งและตลาดเป้าหมายแตกต่างกัน อาทิ ผู้ประกอบการจากประเทศจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และยุโรป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทย ยังนับว่ามีจุดแข็งจากการเป็นเจ้าถิ่นที่มีประสบการณ์ในการประกอบธุรกิจในพื้นที่มานาน จึงมีความเชี่ยวชาญด้านเส้นทางและมีเครือข่ายพันธมิตรในการประกอบธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีสายสัมพันธ์อันดีในการเป็นคู่ค้ากับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ รวมทั้งการมีความรู้ความชำนาญด้านกฎระเบียบ และพิธีการด้านการประกอบการขนส่งทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2558 นี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี ในภาคขนส่งและโลจิสติกส์ทางถนนเฉพาะการขนส่งสินค้า (ณ ราคาปีปัจจุบัน)จะมีมูลค่า 105,300-106,600 ล้านบาท โดยขยายตัวร้อยละ 3.2-4.4 (Y-o-Y) เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งเติบโต
ร้อยละ 0.4 (Y-o-Y)
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น