ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า โครงสร้างรายได้ของธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไป ที่แต่เดิมเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ภายในประเทศเป็นหลัก ไปสู่การกระจายไปยังการสร้างรายได้จากธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ในต่างประเทศมากขึ้น อีกทั้งยังมีการกระจายไปยังการสร้างรายได้จากธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องมากขึ้น นอกจากนี้ จำนวนผู้ประกอบการธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ประกอบธุรกิจในตลาดเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้สถานการณ์การแข่งขันของธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ในประเทศไทยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น รวมถึงส่งผลให้โครงสร้างส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์มีการเปลี่ยนแปลงไป ที่แต่เดิมกระจุกอยู่กับผู้ประกอบการธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์เจ้าตลาด ไปสู่การกระจายไปยังผู้เล่นใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ในธุรกิจอื่นๆที่เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการว่า ธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นจากมูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท ในปี 2557 ไปสู่มูลค่า 13,500 - 13,800 ล้านบาท ในปี 2558 หรือเติบโตร้อยละ 3.8 - 6.2 โดยธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์น่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการจัดงานจากผู้จัดงานภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งการจัดงานอีเว้นท์ในรูปแบบการจับคู่ทางธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ งานแสดงสินค้าเพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้บริโภคและมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆควบคู่กันไป รวมถึงยังได้อานิสงส์จากการจัดงานอีเว้นท์จากภาครัฐ ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้นของการจัดงานอีเว้นท์ในประเทศไทย ที่จะเป็นการริเริ่มสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดไมซ์ต่างชาติฟื้นตัวตามมา
สำหรับในระยะข้างหน้านั้น ขีดความสามารถของผู้ประกอบการธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ของประเทศไทยซึ่งมีศักยภาพเพียงพอในการรับจัดงานอีเว้นท์ในระดับนานาชาติ รวมถึงขีดความสามารถของผู้ประกอบการธุรกิจสนับสนุนที่เกี่ยวเนื่อง จะดึงดูดให้ผู้จัดงานอีเว้นท์ในระดับนานาชาติเลือกจัดงานที่ประเทศไทย และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซียซึ่งเป็นคู่แข่งที่สำคัญได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม หรือกลุ่ม CLMV มีการขยายตัวยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการการจัดงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่ จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ของประเทศไทยในการเข้าไปให้บริการจัดงานอีเว้นท์ในประเทศกลุ่ม CLMV มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับของการจัดงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่ของอาเซียน รวมถึงการขยายตลาดการประชุมและงานแสดงสินค้าจากเมืองแห่งไมซ์ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น พัทยา และภูเก็ต ไปสู่พื้นที่ชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษก็สะท้อนถึงโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น