การบรรลุความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership หรือ TPP) ระหว่างคู่เจรจา 12 ประเทศเมื่อวานนี้ (6 ต.ค. 2558) ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของระเบียบการค้าเสรีแห่งศตวรรษที่ 21 โดยผลกระทบของการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจดังกล่าวต่อไทย ในระยะสั้นจุดสนใจคงอยู่ที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของไทย และเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิก TPP ที่ไทยไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีด้วย ทั้งนี้ ผลกระทบของการเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) ต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ คาดว่า ในระยะเฉพาะหน้าคงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากหากพิจารณาโครงสร้างการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ พบว่า สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ หลักๆ จะเป็นชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งไม่มีกำแพงภาษีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากคำนึงถึงผลกระทบทางอ้อมอันเกิดมาจากการที่ไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีนเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก็คงสร้างความท้าทายที่มากขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ในประเด็นที่ไทยอาจจะถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิ GSP ในอนาคต
อย่างไรก็ดี การรวมกลุ่มของ TPP ถือเป็นปัจจัยที่มีผลเปลี่ยนแปลงสมการความสามารถทางการแข่งขันระหว่างประเทศในกลุ่มและนอกกลุ่มเศรษฐกิจโดยเปรียบเทียบ ซึ่งกระทบต่อความน่าสนใจของไทยในฐานะที่เป็นจุดหมายการลงทุน และอาจส่งผลต่อเนื่องกับการพัฒนาภาคการผลิตและการส่งออกของไทยที่ปัจจุบันยังต้องพึ่งพาการนำเข้าทุนและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อขยับสู่ห่วงโซ่การผลิตในระดับต้น-กลางน้ำ ซึ่งในเบื้องต้น ทางออกของไทยอาจอยู่ที่การเร่งออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ถือเป็น GSP region ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา รวมถึงเมียนมาที่คาดว่าจะได้รับสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ เพื่อสร้างเครือข่ายห่วงโซ่การผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิต หรือในฐานะเจ้าของทุน เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่คงทวีความดุเดือดมากขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องเร่งปรับโครงสร้างการผลิตและกำลังแรงงานในภาพรวมให้ตอบโจทย์ภูมิทัศน์ทางการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกสินค้าขั้นสุดท้ายที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ซึ่งแตกต่างจากโครงสร้างการส่งออกของประเทศที่เน้นการใช้แรงงานเข้มข้นเป็นหลัก นอกเหนือไปจากความเป็นไปได้ของไทยในการเจรจาเพื่อเข้าร่วมกลุ่มเศรษฐกิจ TPP ในอนาคต เมื่อเงื่อนไขทางการเมืองภายในประเทศเอื้ออำนวยมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น