วานนี้ (1 ธ.ค. 2558) องค์กรบริหารการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA)
ได้ทำการปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทย จากระดับปกติ (Category 1) เป็นระดับที่ต่ำกว่ามาตรฐาน (Category 2) ต่อเนื่องจากการขึ้น “ธงแดง” ให้กับไทยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในเดือนมิถุนายน 2558 ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่องค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) อาจจะขึ้นบัญชีดำสายการบินของไทย[1] ที่ปฏิบัติการบินไปยุโรปในกลางเดือนธันวาคมนี้ โดยมีสาเหตุมาจากข้อบกพร่องเดียวกัน ซึ่งผลต่อเนื่องที่ตามมาคือ สายการบินสัญชาติไทยคงต้องเผชิญการจำกัดปฏิบัติการบินไปยังจุดหมายปลายทางหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงยุโรปที่สายการบินของไทยมีการบินในหลากหลายเส้นทาง
ทั้งนี้ หากไทยยังไม่สามารถดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยฯ ดังกล่าวได้ ก็คงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินในภาพรวมและผลการดำเนินงานของแต่ละสายการบินในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนค่าดำเนินงานที่สูงขึ้นจากค่าเบี้ยประกันภัยเครื่องบินที่สูงขึ้น การสูญเสียเส้นทางการบินเป็นการถาวรในบางเส้นทาง การสูญเสียรายได้จากการถูกจำกัดการปฏิบัติการบินไปยังบางจุดหมายปลายทาง เป็นต้นอย่างไรก็ดี สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมการบินของไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เหตุการณ์ปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทยในช่วงปลายปี 2558 จะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวของมูลค่าตลาดของธุรกิจขนส่งทางอากาศ ที่จะเติบโตราวร้อยละ 11.7-13.3 แต่ต้องจับตาผลกระทบในปีหน้าที่อาจจะขยายวงกว้าง รวมถึงความพยายามของทางการในการแก้ไขข้อบกพร่องด้านมาตรฐานความปลอดภัยในระยะข้างหน้า
เมื่อมองไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง พบว่า ผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคงอยู่ในระดับที่น้อยมาก ทว่า การถูกปรับลดอันดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านการขนส่งทางอากาศของไทยโดย FAA หลังการถูกขึ้นธงแดงโดย ICAO นั้น อาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคของไทย เนื่องจากเส้นทางการบินของสายการบินสัญชาติไทยจะถูกจำกัด ทำให้โอกาสในการขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อรองรับการให้บริการสายการบินของไทยอาจชะลอตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ในปีหน้า หากมาตรฐานการบินของไทยได้รับการทบทวนและถูกปลดล็อค ผลกระทบต่างๆ ดังกล่าวน่าจะมีไม่มากนัก
[1] EASA จะทำการประเมินเป็นรายสายการบิน ไม่ได้ประเมินภาพรวมของประเทศ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น