ในช่วงปี 2557-2558 ภาวะกำลังซื้อของคนในประเทศที่ลดลงได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีสัดส่วนคนไข้คนไทยสูง ทำให้รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีสัดส่วนคนไข้คนไทยสูงเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 7.0 ต่อปี (ค่าเฉลี่ยปี 2557-2558) ต่ำกว่ารายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรวมที่เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 11.0 ต่อปี (ค่าเฉลี่ยปี 2557-2558) ในทางกลับกัน รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นจับตลาดคนไข้ต่างชาติกลับเติบโตได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรวมที่ร้อยละ 11.7 (ค่าเฉลี่ยปี 2557-2558) โดยมีรายได้ที่มาจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 15.1 (ค่าเฉลี่ยปี 2557-2558) สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดคนไข้ต่างชาติเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่เน้นจับตลาดคนไข้ต่างชาติสามารถเติบโตได้สูงกว่าภาพรวมของตลาด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ตลาด Medical Tourism จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการทำรายได้ให้กับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนในระยะข้างหน้า โดยจะเห็นได้จากรายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มาจากกลุ่มคนไข้ต่างชาติเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 25 ของรายได้ทั้งหมดของโรงพยาบาลเอกชน ในปี 2554 เป็นกว่าร้อยละ 30 ในปี 2558 และคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จากกระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วโลก การทำการตลาดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นปัจจัยดึงดูดให้คนไข้ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่ม Medical Tourism เดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในไทยเพิ่มขึ้น
สำหรับตลาด Medical Tourism ที่น่าสนใจในการขยายฐานลูกค้าของผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เมียนมาและตะวันออกกลางยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจและมีแนวโน้มขยายตัว แต่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่เดิมอาจจะไม่ได้เน้นจับกลุ่มคนไข้ต่างชาติมากนักแต่ต้องการรุกตลาดดังกล่าว อาจเผชิญกับการแข่งขันที่สูงจากผู้เล่นหลักที่อยู่ในตลาดอยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการที่สนใจจะขยายฐานลูกค้าเมียนมาและตะวันออกกลางอาจจะต้องชูกลยุทธ์การตลาดที่โดดเด่นหรือแตกต่าง อาทิ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของโรงพยาบาลเอกชนไปทำให้เป็นที่รู้จัก การชูความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคเฉพาะทางในด้านต่างๆ โดยอาจจะให้สอดคล้องไปกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเจาะตลาด เช่น การรักษาโรคเฉพาะทางที่เน้นเจาะตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเด็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอาจจะขยายฐานลูกค้า Medical Tourism ให้ครอบคลุมตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ จีน และบางประเทศในอาเซียน (เวียดนาม อินโดนีเซีย) ซึ่งถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ ในขณะที่ระบบสาธารณสุขในประเทศดังกล่าวอาจจะยังไม่เพียงพอกับความต้องการของคนในประเทศ ส่งผลให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลยังต่างประเทศ และไทยก็น่าจะเป็นหนึ่งประเทศเป้าหมายสำหรับลูกค้าในกลุ่มดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับตัวและชูกลยุทธ์การตลาดและการให้บริการที่สอดรับกับความต้องการของลูกค้าแต่ละประเทศ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น