แม้ว่าปัจจัยทางด้านกำลังซื้อและปัญหาหนี้ครัวเรือนสะสมของผู้บริโภคยังกดดันบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคและได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจโดยภาพรวม โดยเฉพาะธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การกลับมาอีกครั้งกับบรรยากาศเกมกีฬาที่คนจากทุกมุมโลกไม่เว้นแม้แต่คนไทยต่างตั้งตารอชมมากที่สุดอย่าง ;มหกรรมการแข่งขันฟุตบอลยูโรและกีฬาโอลิมปิก 2016” ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนและสิงหาคมตามลำดับ จะเป็นปัจจัยผลักดันสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคให้ดูมีสีสันกว่าช่วงปกติ เนื่องจากกระแสการชื่นชอบกีฬาของคนไทยที่มีเพิ่มขึ้น และนักกีฬาหรือทีมที่เข้าร่วมแข่งขันส่วนใหญ่ก็เป็นทีมที่คนไทยชื่นชอบ อีกทั้งมหกรรมฟุตบอลยูโร 2016 ในปีนี้ถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวีครบทุกแมตช์ ทำให้คนดูทั่วไปสามารถเข้าถึงและเลือกรับชมได้ง่าย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การแข่งขันกีฬาดังกล่าวน่าจะส่งผลบวกต่อภาคธุรกิจที่จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลุ่มอุปกรณ์การรับชม อาหาร/เครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มเสื้อผ้ากีฬา ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารที่มีจอถ่ายทอดสดกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล ก็มีโอกาสทำยอดขายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจค้าปลีก (ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ) ที่จำหน่ายสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์การรับชม (โทรทัศน์) อาหารและเครื่องดื่ม อุปกรณ์กีฬาและชุดกีฬา เป็นต้น รวมถึงธุรกิจร้านอาหาร น่าจะอาศัยช่วงเวลาดังกล่าวเกาะกระแสและสร้างโอกาสทางการตลาด เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยอาจเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดและโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับสภาพตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรและกีฬาโอลิมปิก 2016 น่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจต่างๆ จากการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอีก 8,815 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.0 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ แบ่งเป็นอาหารและเครื่องดื่ม 8,200 ล้านบาท อุปกรณ์การรับชม (โทรทัศน์) 450 ล้านบาท และเสื้อผ้ากีฬา 165 ล้านบาท ตามลำดับ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น