ตลาดไทยเที่ยวไทยเป็นหนึ่งในกิจกรรมเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยรายได้จากตลาดของคนไทยเที่ยวในประเทศมีมูลค่าประมาณ 800,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 5.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศได้ก่อให้เกิดเม็ดเงินกระจายลงสู่ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยสามารถนำค่าที่พักและค่าบริการนำเที่ยวมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกินคนละ 15,000 บาท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การออกมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ จะส่งผลดีผ่านการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ แม้ผลกระตุ้นอาจเผชิญข้อจำกัดอยู่บ้างเนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่จะเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของฤดูกาลท่องเที่ยวไทย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมีการวางแผนล่วงหน้าไปแล้ว จึงทำให้ผู้ที่จะวางแผนท่องเที่ยวในช่วงนี้อาจจะเผชิญปัญหาไม่สามารถจองที่พักในแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผลของมาตรการดังกล่าวน่าจะมีผลทำให้เกิดเม็ดเงินกระจายสู่ธุรกิจท่องเที่ยวเพิ่มเติม 2,000- 4,000 ล้านบาท เทียบกับในกรณีที่ไม่มีมาตรการการท่องเที่ยว และส่งผลให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม 2559 ประมาณ 82,000-84,000 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 8.8-11.5 เมื่อเทียบกับที่เติบโตร้อยละ 13.4 ในเดือนเดียวกันของปี 2558 ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เที่ยวในช่วงนี้จะได้รับประโยชน์จากมาตรการ ที่จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อจากการขอคืนภาษีในปีหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่า เพื่อให้มาตรการที่ออกมาได้ประโยชน์ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสให้กับธุรกิจบริการด้านท่องเที่ยว อย่างธุรกิจโรงแรม (ที่จดทะเบียนในระบบ) ที่ยังมีห้องว่าง และธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ที่เผชิญกับภาวะการชะลอลงของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติบางตลาด ขณะที่ในส่วนของธุรกิจบริษัทนำเที่ยวอาจจะใช้โอกาสนี้ประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมแพ็คเกจท่องเที่ยวตลอดทั้งเดือนธันวาคม 2559 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ที่ยังไม่มีแผนที่จะเดินทางท่องเที่ยวมีเวลาวางแผนเดินทางท่องเที่ยว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น