เหตุระเบิดหลายจุดในย่านใจกลางเมืองหาดใหญ่ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2549 ซ้ำเติมสถานการณ์การท่องเที่ยวหาดใหญ่ให้กลับซบเซาลงไปอีก หลังจากที่ตลาดท่องเที่ยวหาดใหญ่ถดถอยลงอย่างรุนแรงหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิด 3 จุดพร้อมกันที่อำเภอหาดใหญ่และอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2548 และเกิดภาวะน้ำท่วมในช่วงปลายปี 2548 ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวในการเดินทางมาเที่ยวหาดใหญ่ และทำให้การท่องเที่ยวหาดใหญ่สามารถกลับมาคึกคักขึ้นได้อีกครั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2549
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาหาดใหญ่ต้องเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการ ที่ส่งผลบั่นทอนบรรยากาศการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นตามลำดับ โดยล่าสุดได้ขยายพื้นที่ครอบคลุมมายังอำเภอหาดใหญ่ และปัญหาน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างรวมทั้งหาดใหญ่ แต่ตลาดท่องเที่ยวหาดใหญ่ก็สามารถทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกันได้มาตลอดในช่วงปี 2546-2548 โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปยังหาดใหญ่จำนวน 2.34 ล้านคนในปี 2546 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เป็น 2.36 ล้านคนในปี 2547 สำหรับในปี 2548 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังหาดใหญ่รวมทั้งสิ้น 2.35 ล้านคนลดลงเล็กน้อยจากปี 2547
ส่วนรายได้ด้านการท่องเที่ยวของหาดใหญ่มีแนวโน้มถดถอยลงอย่างเด่นชัดในปี 2548 โดยมีมูลค่า 11,715 ล้านบาทลดลงร้อยละ 16 จากปี 2547 ทั้งนี้เป็นผลจากการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวที่ลดลงทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในปี 2549 ตลาดท่องเที่ยวหาดใหญ่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการถดถอยลง โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดเหตุระเบิดว่า ในปี 2549 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังหาดใหญ่รวมทั้งสิ้นประมาณ 2.37 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากปี 2548 ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยประมาณ 1.72 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปี 2548 ที่เหลืออีกประมาณ 650,000 คนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งลดลงร้อยละ 10 จากปี 2548 และก่อให้เกิดรายได้สะพัดสู่ธุรกิจท่องเที่ยวในอำเภอหาดใหญ่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทลดลงร้อยละ 15 จากปี 2548
เหตุระเบิดในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหาดใหญ่ในช่วงที่เหลือของปี 2549 ทำให้มีแนวโน้มถดถอยลงจากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนเกิดเหตุระเบิดว่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังหาดใหญ่ประมาณ 650,000 คน และสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดในหาดใหญ่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 มีแนวโน้มถดถอยลงมากกว่าตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย
อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์ที่ฟันฝ่าวิกฤตต่างๆมาตามลำดับนับตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2543 จนถึงปัจจุบัน หากหน่วยงานที่เกี่ยวของในพื้นที่หาดใหญ่ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันเร่งแก้ไขสถานการณ์ก็คาดว่า จะสามารถกระตุ้นให้การท่องเที่ยวหาดใหญ่ฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2549 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังหาดใหญ่รวมทั้งสิ้นประมาณ 490,000 คนลดลงร้อยละ 25 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ก่อนเหตุระเบิด ในจำนวนนี้ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวคนไทยประมาณ 360,000 คนลดลงจากเดิมประมาณร้อยละ 20 ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงร้อยละ35 เป็น 130,000 คน ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาทลดลงร้อยละ 27 จากที่คาดการณ์ไว้เดิม
รายได้ด้านการท่องเที่ยวของหาดใหญ่ที่คาดว่าจะลดลงประมาณ 900 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่สะพัดสู่ร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกและสินค้าประเภทต่างๆ รองลงมาเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจสถานบันเทิงต่างๆ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจบริการประเภทพาหนะเดินทางภายในอำเภอหาดใหญ่ ธุรกิจบริการนำเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในอำเภอหาดใหญ่ ธุรกิจบริการเหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบโดยตรงจากบรรยากาศการท่องเที่ยวหาดใหญ่ที่ถูกทำลายลงจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดครั้งนี้ โดยต่างมีแนวโน้มจะสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวไปบางส่วนในช่วงที่เหลือของปี 2549
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น