Display mode (Doesn't show in master page preview)

2 พฤศจิกายน 2549

ท่องเที่ยว

งานพืชสวนโลกฯ : สร้างเม็ดเงินสะพัดเชียงใหม่ 2.4 หมื่นล้านบาท (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1891)

คะแนนเฉลี่ย
งานมหกรรมพืชสวนเฉลิมพระเกียรติฯราชพฤกษ์ 2549 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2550 เป็นกิจกรรมสำคัญระดับโลก ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงปลายปี 2549 ให้เติบโตแบบก้าวกระโดดหลังจากที่ซบเซาลงในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวที่ผ่านมา (มีนาคม-ตุลาคม 2549) เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญ ดังนี้
สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ทำให้ตลาดการประชุมสัมมนาทั้งในส่วนหน่วยงานภาครัฐ และตลาดการประชุมนานาชาติซบเซาลงมาก ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยระยะไกล (นักท่องเที่ยวจากภาคอื่นๆนอกจากภาคเหนือ) เพราะนักท่องเที่ยวคนไทยต่างประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว โดยหันมาเที่ยวระยะใกล้กันมากขึ้น
เหตุการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม และต้นเดือนสิงหาคม
ภาวะน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคกลางในช่วงเดือนสิงหาคมต่อเนื่องมายังปลายเดือนตุลาคม สร้างความเสียหายแก่เส้นทางคมนาคมมายังเชียงใหม่ทั้งถนนและรางรถไฟ
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 9 มิถุนายน – 9 กรกฎาคม 2549 ส่งผลกระทบตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ทำให้มีแนวโน้มซบเซาลงในช่วงดังกล่าว
แม้ว่าประสบปัจจัยลบหลายประการในช่วงที่ผ่านมา แต่บรรดาผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในเชียงใหม่ต่างปรับตัวขยายการลงทุน เพื่อเตรียมรับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดท่องเที่ยวเชียงใหม่ในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปี ซึ่งมีงานมหกรรมพืชสวนโลกเป็นแม่เหล็กดึงดูดสำคัญ โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า ในช่วง 3 เดือนที่มีการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่รวมทั้งสิ้นประมาณ 3 ล้านคนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 130 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวน 2.2 ล้านคน ที่เหลือประมาณ 8 แสนคนเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวเชียงใหม่ ส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 40 เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป โดยมีอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เป็นตลาดหลัก ร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ เป็นตลาดหลัก และร้อยละ 20 เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกาซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลัก
การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติในช่วงงานมหกรรมพืชสวนโลก คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในเชียงใหม่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 23,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ คือ ประมาณร้อยละ 65 เป็นรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวคนไทย และร้อยละ 35 เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เม็ดเงินรายได้ดังกล่าวส่วนใหญ่ คือ ประมาณร้อยละ 30 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาทสะพัดสู่ธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าของที่ระลึกนักท่องเที่ยว รองลงมา คือ ร้อยละ 22 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาทสะพัดสู่ธุรกิจด้านที่พักประเภทโรงแรม รีสอร์ท และเกสท์เฮ้าส์ในเชียงใหม่ที่มีจำนวนกว่า 270 แห่งซึ่งมีห้องพักรวมกันกว่า 17,000 ห้อง นอกจากนี้ยังมีสถานที่พักประเภทต่างๆที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในช่วงงาน อาทิ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ หอพัก บ้านเช่า วัด รวมทั้งเต็นท์ให้เช่าบริเวณใกล้สถานที่จัดงาน
นอกจากนักท่องเที่ยวต่างถิ่นที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาจำนวนมากเพื่อเที่ยวงานมหกรรมพืชสวนโลกแล้ว ยังมีประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่เองอีกจำนวนไม่น้อยที่คาดว่าจะเข้าชมงานและก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในเชียงใหม่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นค่าบัตรเข้างาน ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าซื้อสินค้านานาชนิดในงาน และค่าพาหนะเดินทาง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขหลายประการเพื่อสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวงานมหกรรมพืชสวนโลกได้ตามที่คาดการณ์ไว้ อาทิ ปัญหาการขาดแคลนที่พักและค่าห้องพักที่สูงกว่าปกติ การเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวของบรรดาสถานบริการและร้านค้าต่างๆในเชียงใหม่ ความไม่สะดวกในการเดินทางไปยังงาน และการอำนวยความสะดวกภายในงาน ทั้งเรื่องรถนำเที่ยวภายในงาน และห้องน้ำ ที่มีไม่เพียงพอรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ค่อนข้างสูง

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ท่องเที่ยว