ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนจะขยายตัว 11.8% เทียบกับปี 2563 ที่หดตัว 12.5% ซึ่งการฟื้นตัวดังกล่าวส่วนหนึ่งน่าจะมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า และยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อนช่วงโควิด โดยส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวของรายได้ที่มาจากคนไข้ในประเทศที่ทำการตรวจและรักษาโควิด รวมถึงกลุ่ม EXPAT ที่เริ่มกลับมาใช้บริการรักษาพยาบาลบางส่วน ขณะที่รายได้จากคนไข้ Medical tourism แม้ว่าจะมีการเปิดประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แต่คาดว่า ภาพรวมทั้งปีรายได้กลุ่ม Medical tourism ก็น่าจะยังคงหดตัว
สำหรับปี 2565 และระยะถัดไป ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนน่าจะมีทิศทางที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ แต่จะกลับไปสู่ภาวะปกติหรือใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิดได้หรือไม่นั้น อาจจะต้องติดตามการกลับมาของคนไข้กลุ่ม Medical tourism ว่าจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจากนโยบายของหลายๆ ประเทศที่พยายามจะผลักดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้จำนวนของคนไข้ต่างชาติฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่การฟื้นตัวดังกล่าวจะแข็งแกร่งเพียงใดนั้น คงจะขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และการแพร่ระบาดของโควิดในช่วงข้างหน้า ซึ่งยังต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป นอกจากนี้ ธุรกิจยังต้องเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทาย โดยเฉพาะต้นทุนการดำเนินธุรกิจที่คาดว่ายังสูงต่อเนื่อง และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากทั้งผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่จำนวนมาก สวนทางกับกำลังซื้อของคนไข้ที่มีศักยภาพไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม หรือมีจำกัด
ดังนั้น การบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ โดยเฉพาะการควบคุมค่ารักษาพยาบาลให้คนไข้ในแต่ละ Segment สามารถเข้าถึงได้ ควบคู่ไปกับการนำเสนอแพ็คเกจการรักษาและการป้องกันทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคมากขึ้น น่าจะทำให้ธุรกิจมีความได้เปรียบในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงคุณภาพในการรักษาและบริการที่ดีสม่ำเสมอ รวมถึงการรักษาสมดุลในการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น