เปิดเทอมใหญ่ปี 2564 นี้ เป็นอีกหนึ่งปีที่นักเรียนจะต้องกลับมาเรียนออนไลน์อีกครั้ง ซึ่งสถาบันการศึกษาบางแห่งได้มีการเปิดให้นักเรียนได้เรียนออนไลน์ก่อนที่จะมีการเปิดเทอมในวันที่ 14 มิ.ย. 64
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ต่ออุปสรรคในการที่บุตรหลานต้องกลับมาเรียนออนไลน์อีกครั้ง และมุมมองต่อการศึกษาในรูปแบบออนไลน์ในระยะข้างหน้า เนื่องจากปัจจุบันรูปแบบการเรียนออนไลน์ได้ถูกพัฒนาต่อยอดมาเป็นแอปพลิเคชั่นด้านการศึกษาเพื่อเป็นช่องทางเลือกให้ผู้ปกครองอีกด้วย โดยสรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
จากผลสำรวจสะท้อน พบว่า อุปสรรคที่สำคัญคือ ความไม่พร้อมในอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้น้อยจะมีปัญหาเรื่องของอุปกรณ์การเรียนอย่างคอมพิวเตอร์/แท็บเล็ต (เครื่องมือสื่อสารในการเรียน) และอินเทอร์เน็ต และกลุ่มที่มีบุตรหลานในวัยเรียนมากกว่า 1 คน จะเผชิญกับข้อจำกัดในการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม และบางส่วนมองว่าต้องมีภาระรายจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ปกครองที่มีข้อจำกัดต่อการเรียนออนไลน์ มองว่า เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นและนักเรียนสามารถกลับไปเรียนได้ ทางโรงเรียนอาจจะพิจารณาจัดเรียนเพิ่มเติมวันเสาร์ หรือเพิ่มเวลาเรียนในวันธรรมดา และปรับลดเวลากิจกรรมบางประเภทลงเพื่อไม่ให้กระทบการเรียน
ขณะที่ ในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า รูปแบบการศึกษาออนไลน์ คงจะเข้ามามีบทบาทในด้านการศึกษามากขึ้น อย่างการเรียนเสริมทักษะเพิ่มเติมทางออนไลน์ หรือเทรนด์การศึกษาใหม่ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่าง Hybrid Homeschooling เป็นรูปแบบการเรียนที่มีการผสมระหว่างการเรียนออนไลน์และการเรียนที่โรงเรียนเป็นบางวัน แต่จากผลสำรวจสะท้อนว่า ผู้ปกครองยังมีความกังวลต่อรูปแบบการเรียนออนไลน์ ได้แก่ คุณภาพการศึกษา ผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของบุตรหลาน รวมถึงข้อจำกัดและความไม่ปลอดภัยของเทคโนโลยี ดังนั้น ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกการศึกษาที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นนั้น การพัฒนาการศึกษาในระบบให้มีคุณภาพและเท่าเทียม ด้วยการพยายามลดข้อจำกัดและเติมเต็มช่องว่างในทุกๆ ด้านโดยให้ความสำคัญกับพัฒนาการของนักเรียนเป็นหลัก รวมถึงการวางแผนและสร้างระบบการเรียนออนไลน์ให้ เป็นมาตรฐาน เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันดำเนินการ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น