ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจบริการโซลูชั่นโรงงานอัจฉริยะไทย (Smart Factory Solutions: SFS) มีแนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นจากเดิมก่อนช่วงโควิดที่มีแนวโน้มเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงหนุนหลักจากกระแสอุปสงค์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ต้องการปรับตัวเพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน และกระแสการรุกลงทุนของผู้ประกอบการจีนในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าไทย นอกจากนี้ ยังได้รับแรงเสริมจากการเปลี่ยนแปลงด้านอุปทานในช่วงปีที่ผ่านมาที่เกิดกระแสการจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างผู้ประกอบการ SFS รายใหญ่กับผู้ประกอบการเทเลคอมไทย ทำให้เกิดระบบนิเวศการให้บริการ SFS แบบครบวงจรขึ้นในไทย
ทั้งนี้ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตไทยได้เริ่มขยายมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนโรงงานอัจฉริยะจากเดิมที่มักจำกัดอยู่เพียงการนำหุ่นยนต์และระบบลำเลียงอัตโนมัติมาใช้งานเพื่อเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุนด้านแรงงาน ไปสู่การลงทุนเพื่อบริหารจัดการสายการผลิตแบบบูรณาการผ่านเทคโนโลยีต่างๆ เช่น IoT และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นต้น โดยนอกเหนือจากเพื่อทำให้การผลิตสามารถดำเนินการได้ต่อเนื่องและลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาแรงงานภายใต้วิกฤตโควิด-19 แล้ว ยังมีเป้าประสงค์ที่จะสร้างสายการผลิตที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าที่หลากหลายได้ในสายการผลิตเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันแล้ว ยังช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตทดแทนกันระหว่างโรงงานในกรณีวิกฤตได้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น