ส่งออกไทยในเดือนมิ.ย. 2563 หดตัวสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ฉุดภาพรวมส่งออกไทยครึ่งแรกของปี 2563 หดตัวร้อยละ 7.1 YoY โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในเดือนมิ.ย. 2563 อยู่ที่ 16,444 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัวร้อยละ 23.2 YoY ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังรุนแรงและการบังคับใช้มาตรการปิดเมืองหลายระดับในต่างประเทศ ส่งผลให้อุปสงค์โลกอ่อนแรงลง และสายโซ่อุปทานบางส่วนในต่างประเทศชะงักงัน รวมถึงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศใช้ระยะเวลามากขึ้น
หากพิจารณารายตลาดส่งออกของไทย พบว่า จีนและสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ตลาดหลักที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยขยายตัวเป็นบวกในเดือนมิ.ย. 2563 ที่ร้อยละ 12.0 YoY และร้อยละ 14.5 YoY ตามลำดับ โดยการส่งออกสินค้าไทยไปจีนขยายตัวเป็นบวก ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในปีก่อนจากการหดตัวสูงของการส่งออกเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ยางไปจีน ในขณะที่การส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ขยายตัวสูงในเดือนมิ.ย. 2563 จากการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ที่เพิ่มขึ้นมากเป็นสำคัญ
หากเปรียบเทียบภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือนมิ.ย. 2563 ให้ภาพที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. 2563 โดยเมื่อหักลบมูลค่าการส่งออกทองคำแล้ว ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยในเดือนมิ.ย. 2563 หดตัวร้อยละ 17.3 YoY ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพ.ค. 2563 ที่หดตัวสูงถึงร้อยละ 27.9 YoY ในขณะที่การส่งออกในแต่ละหมวดสินค้าศักยภาพแม้ในเดือนมิ.ย. 2563 จะหดตัวอยู่แต่ก็เป็นการหดตัวในอัตราที่น้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค. 2563
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยในปี 2563 มีแนวโน้มหดตัวในระดับ 2 หลัก ซึ่งจะเป็นการหดตัวลึกกว่าที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ -6.1 YoY จากทิศทางเศรษฐกิจโลกเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า แม้จะเริ่มมีข่าวดีจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และชาติตะวันตกกับจีนที่กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่สูงขึ้นดังกล่าวจะส่งผลกดดันทิศทางการค้าของโลกและการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น