ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า BCG Model เป็นรูปแบบที่ดีในการยกระดับสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีสาขาเกษตรและอาหารเป็นตัวชูโรง ด้วยจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อเทรนด์รักสุขภาพและความมั่นคงด้านอาหาร อันจะเป็นตัวเร่งให้ไทยต้องยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรทั้งในแง่คุณภาพและปริมาณที่สูงขึ้นตามเทรนด์โลก อย่างไรก็ดี คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักในการยกระดับการผลิตเกษตรต้นน้ำตามกรอบ BCG ซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรมากกว่า 5 ปีนับจากนี้ เพราะยังคงมีเงื่อนไขและความท้าทายที่หลากหลายรออยู่อีกมาก ทั้งในแง่ของความพร้อมของตัวผู้ผลิตเอง และเครื่องมือ AgriTech ที่ใช้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แนวทางการนำของเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้ต่อเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มนับเป็นแนวทางที่ดีตอบโจทย์ Zero Waste โดยเฉพาะพลาสติกชีวภาพ เช่น พลาสติกชีวภาพจากเปลือกทุเรียนที่คาดว่าน่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ราว 3,600-7,300 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถเก็บรวบรวมเปลือกทุเรียนได้ราวร้อยละ 5-10 ของเปลือกทุเรียนทั้งหมดในไทย แต่ประเด็นความท้าทายคงอยู่ที่การรวบรวมของเหลือทิ้งทางการเกษตรที่อาจต้องมีการออกแบบระบบรวบรวม ขนส่ง และจัดเก็บให้สามารถคงสภาพในการนำมาแปรรูปได้ รวมถึงความท้าทายของราคาพลาสติกชีวภาพที่ยังอยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกำหนดความต้องการใช้พลาสติกชีวภาพให้ยังกระจุกตัวอยู่ในผู้บริโภคบางกลุ่ม
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น