จากการรายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยล่าสุดโดยกระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 ตัวเลขการส่งออกในเดือนมกราคม 2552 ยังคงหดตัวสูงอย่างต่อเนื่อง และศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผลกระทบจากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลกต่อการส่งออกของไทย อาจจะยังคงมีความรุนแรงต่อไปตลอดระยะครึ่งแรกของปี 2552 นี้เป็นอย่างน้อย โดยประเด็นวิเคราะห์ที่สำคัญ มีดังนี้
- การส่งออกของไทยในเดือนมกราคม 2552 มีมูลค่า 10,496 ล้านดอลลาร์ฯ ลดลงร้อยละ 26.5 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หดตัวสูงเป็นประวัติการณ์ และมีอัตราการขยายตัวติดลบเป็นตัวเลขสองหลักต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2551 อย่างไรก็ตาม การนำเข้าในช่วงเดือนนี้มีมูลค่า 9,119 ล้านดอลลาร์ฯ ลดลงร้อยละ 37.6 หดตัวรุนแรงกว่าด้านการส่งออก จึงส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนนี้มีการเกินดุลรายเดือนในระดับที่สูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยเกินดุล 1,377 ล้านดอลลาร์ฯ
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สภาวะที่การส่งออกหดตัวสูงเป็นอัตราตัวเลขสองหลักนี้จะต่อเนื่องต่อไป จนถึงสิ้นไตรมาสที่ 3/2552 ขณะที่การฟื้นตัวของการส่งออกยังเป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม เนื่องจากขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคหลักของโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ
- จากปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วจะคงอยู่ในสภาวะถดถอยยาวนานกว่าที่คาด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงปรับลดประมาณการแนวโน้มการส่งออกของไทยลง โดยคาดว่าการส่งออกในปี 2552 อาจจะลดลงประมาณร้อยละ 10.0-16.0 จากปีก่อนหน้า เป็นการหดตัวมากขึ้นจากประมาณการเดิมที่คาดว่าจะลดลงร้อยละ 7.0-12.0 ซึ่งจะนับเป็นการถดถอยของการส่งออกครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ของไทย
- ท่ามกลางวิกฤตในธุรกิจส่งออกนี้ ธุรกิจแต่ละประเภทอาจจะได้รับผลกระทบในระดับที่แตกต่างกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกในรอบนี้ต่อกลุ่มสินค้าส่งออกของไทย โดยจำแนกลักษณะของผลกระทบได้ดังนี้
- กลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบรุนแรงและฟื้นตัวช้า เช่น กลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรกล ชิ้นส่วนอากาศยาน และอาจรวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องเรือน
- กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรงแต่มีโอกาสฟื้นตัว เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประเภทฮาร์ดดิสก์ เซมิคอนดักเตอร์
- กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากการปรับตัวลดลงของทั้งด้านราคาและความต้องการสินค้า อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอาจจะเริ่มเห็นได้ถ้าหากมีสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งจะทำให้นักลงทุนเริ่มกล้าที่จะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
- กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบปานกลาง สินค้าข้าวของเครื่องใช้ใกล้ตัว เช่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ของเล่น อาจหดตัวในอัตราที่น้อยกว่ากลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น แต่ปัญหาที่ผู้ผลิตสินค้ากลุ่มนี้อาจต้องเผชิญคือการแข่งขันรุนแรง
- กลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เช่น กลุ่มสินค้าอาหารและสินค้าที่ผู้บริโภคมองว่าเป็นสิ่งจำเป็น ดังจะเห็นได้ว่า สินค้ากลุ่มนี้ยังคงมีการส่งออกที่ค่อนข้างทรงตัวหรือยังขยายตัวได้
โดยสรุป ท่ามกลางแนวโน้มที่ภาคธุรกิจส่งออกของไทยจะยังคงเผชิญผลกระทบที่รุนแรงจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยของโลก การปรับตัวของผู้ประกอบการในสภาวการณ์เช่นนี้ การหาตลาดใหม่อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่จะเข้ามาชดเชยกำลังซื้อในตลาดหลักที่หายไปจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ตาม การรุกตลาดใหม่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรแสวงหากลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อในตลาดหลักควบคู่กันไปด้วย โดยมุ่งเป้าหมายกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้มั่นคงซึ่งยังมีกำลังซื้อ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังควรจับตามาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าสูงของรัฐบาลในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด การเปิดรับข้อมูลโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ จะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดกลยุทธ์การส่งออกและการค้นหาโอกาสท่ามกลางภาวะวิกฤตนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น