ภายใต้กระแสหลักของตลาดการเงินที่มุ่งประเด็นความสนใจไปที่ “ความแข็งแกร่งของฐานะการคลัง และการรักษาวินัยการคลัง” ของรัฐบาลประเทศต่างๆ ความซับซ้อนของมรสุมวิกฤตการคลังและหนี้สาธารณะเกิดขึ้นจากการที่สถานะการคลังที่ถดถอยเป็นหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศให้ความสนใจในการพิจารณาเครดิตของแต่ละประเทศในช่วงเวลาที่วิกฤตเศรษฐกิจและการเงินโลกรอบล่าสุดได้ยุติลงแล้ว “ฮังการี” เป็นเหยื่อล่าสุดที่ตอกย้ำความรุนแรงของมรสุมวิกฤตการคลังในยุโรป รวมถึงเป็นชนวนสำคัญของกระแสการหลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดการเงิน
อย่างไรก็ดี แม้ตลาดการเงินจะใช้ประเด็นการคลังของฮังการีทุบสินทรัพย์เสี่ยงไม่แตกต่างไปจากประเด็นวินัยทางการคลังที่หละหลวมของกรีซ แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและฐานะการคลังของฮังการีมีความแตกต่างซึ่งดีกว่ากรีซอยู่หลายประเด็น อาทิ การฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ การทยอยปรับตัวดีขึ้นของฐานะการคลังและดุลบัญชีเดินสะพัด ตลอดจนระดับหนี้สาธารณะที่แม้จะยังคงพุ่งขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ในอัตราที่เร่ง นอกจากนี้ ทางการฮังการีน่าที่จะสามารถรับมือในกรณีที่วิกฤตเกิดขึ้นจริงได้คล่องตัวกว่าทางการกรีซ เนื่องจากธนาคารกลางฮังการียังคงมีอิสระในการใช้เครื่องมืออัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราแลกเปลี่ยนสนับสนุนเศรษฐกิจ ในยามที่แรงกระตุ้นจากภาคการคลังสามารถทำได้อย่างจำกัด
สำหรับนัยต่อตลาดการเงินจากประเด็นนี้ ก็คือ ความเสี่ยงในช่วงขาลงของราคาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงนั้น ยังน่าที่จะไม่สิ้นสุดลงในช่วงเวลานี้ นั่นก็เป็นนัยว่า ยังคงมีความเป็นไปได้ที่เงินยูโรจะอ่อนค่าลงทดสอบแนวรับสำคัญถัดไปที่ระดับ 1.1850 ดอลลาร์ฯ ต่อยูโร ขณะที่ เงินบาทก็อาจมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบแนวรับที่ระดับ 32.65-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้งในระยะสั้น
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังมีมุมมองว่า “วิกฤตความเชื่อมั่น” กำลังก่อตัวขึ้นท่ามกลางมรสุมหลายระลอกของวิกฤตหนี้ยุโรป ซึ่งทำให้ความศรัทธาของตลาดการเงินต่อการรักษาวินัยทางการคลังของรัฐบาลประเทศต่างๆ เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นที่สุดในช่วงเวลานี้ ดังนั้น เป้าหมายระยะสั้นของประเทศที่มีฐานะการคลังที่อ่อนแอก็น่าที่อยู่ที่การเร่งผลักดันแผนรัดเข็มขัดทางการคลังที่สามารถดำเนินการได้จริง การรักษาวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด รวมถึงการเจรจาแผนสนับสนุนทางการเงินเพื่อรองรับกรณีเลวร้ายของวิกฤต ซึ่งก็จะมีนัยต่อเนื่องให้แนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องมีการรัดเข็มขัดทางการคลังอย่างเข้มงวด ต้องชะลอตัวลงไปอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่ระดับของความซบเซาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแต่ละประเทศก็อาจจะมีความแตกต่างกันไปตามความยืดหยุ่นของการใช้นโยบายการเงิน นอกจากนี้ ประเด็นเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังก็คือ ประเด็นที่สืบเนื่องตามมาจากความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดทางเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และภาคการธนาคารของประเทศที่อาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงวิกฤตหนี้ยุโรปในรอบนี้ไปได้กับประเทศในยุโรปด้วยกันเอง ขณะที่ ประเด็นระยะยาวกว่านั้นหลังจากที่มรสุมวิกฤตการคลังผ่านพ้นไปแล้ว ก็คือ การยกเครื่องและปฎิรูปเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ/การเงิน/การคลัง เพื่อลดโอกาสของการเกิดวิกฤตระลอกใหม่ และเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ซึ่งสำหรับไทยนั้น ก็คงต้องเตรียมรับมือผลกระทบทางอ้อมที่มีต่อการส่งออก และตลาดการเงินของไทยทั้งในส่วนที่เกิดจากการไหลออกของเงินทุนระยะสั้นจากกระแสการเลี่ยงความเสี่ยง และความผันผวนของค่าเงินบาทที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น