ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เหตุการปะทะกันตามแนวชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาอาจยังไม่ส่งผลกระทบต่อในเชิงเศรษฐกิจระหว่างกันมากนักหากสามารถคลี่คลายปัญหาได้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน โดยอาจสูญเสียรายได้เข้าประเทศอย่างน้อย 1,100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ถ้าหากความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่สามารถคลี่คลายลงได้และต่อเนื่องไปประมาณ 3 เดือน และทำให้มีการปิดด่านการค้าชายแดนบริเวณจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ หรืออาจส่งผลกระทบด้านชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่มเติม คาดว่าอาจส่งผลกระทบให้ไทยสูญเสียรายได้เข้าประเทศอย่างน้อย 3,000 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกของไทยไปกัมพูชาที่อาจได้รับผลกระทบ อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน และสินค้าที่ต้องอาศัยการขนส่งสินค้าผ่านแดนเป็นหลักเช่น รถยนต์/รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมทั้งสินค้าไทยที่อาจสูญเสียภาพลักษณ์ในสายตาคนกัมพูชาได้ ทั้งนี้ขึ้นกับระยะเวลาของการปิดด่านชายแดนระหว่างสองประเทศ
นอกจากผลกระทบในภาพกว้างแล้ว เศรษฐกิจระดับจังหวัดของศรีสะเกษและสุรินทร์ อาจต้องสูญเสียรายได้บางส่วน ทั้งจากการค้าบริเวณจุดผ่านแดน และการค้าภายในจังหวัด ขณะที่การท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษก็อาจได้รับผลกระทบจากความกังวลของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจในด้านความปลอดภัยในพื้นที่ดังกล่าว และส่งผลต่อภาพรวมการท่องเที่ยวของกัมพูชาในไทยด้วย ซึ่งมองว่าปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวแม้จะไม่กระทบต่อภาคการค้าการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากเหตุการณ์บานปลายหรือกินระยะเวลานานกว่าสมมติฐานข้างต้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจก็อาจมากกว่าตัวเลขที่ได้ประเมินไว้ได้ นอกจากนี้ ยังอาจมีผลให้ไทยสูญเสียโอกาสในการลงทุนในกัมพูชาซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับสิทธิประโยชน์ GSP จากประเทศพัฒนาแล้วต่างๆ รวมทั้งค่าจ้างแรงงานที่ค่อนข้างต่ำ ขณะที่กัมพูชาก็อาจสูญเสียโอกาสในการระดมเงินลงทุนจากนักลงทุนไทยด้วย ทั้งนี้ หากความขัดแย้งของไทย-กัมพูชาสามารถเจรจาหาข้อยุติในระดับทวิภาคีได้โดยเร็ว น่าจะเป็นโอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน จากปัจจัยเอื้อด้านปรับลด/ยกเลิกอัตราภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันเหลือร้อยละ 0-5 และการที่กำลังจะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 ที่กำลังจะมาถึงนี้
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น