ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 ธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดองอย่างเป็นทางการลง 8.5% จากระดับ 18,932 ดองต่อดอลลาร์ฯ ที่ใช้มาตั้งแต่ 18 สิงหาคม 2553 มาอยู่ที่ 20,693 ดองต่อดอลลาร์ฯ โดยให้มีผลทันที พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางเวียดนามยังประกาศลดกรอบการซื้อ-ขายเงินดองเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ รายวันลงเหลือ +/- 1% จากค่ากลางที่ประกาศโดยธนาคารกลางเวียดนามในแต่ละวัน จากกรอบเดิมที่ +/- 3% จากค่ากลาง ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ว่าการทยอยลดค่าเงินดองตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดดุลการค้าลงได้บางส่วน ขณะที่ การประกาศอัตราอ้างอิงเงินดองให้อ่อนค่าลงถึง 8.5% ในครั้งนี้ ได้ทำให้ความแตกต่างระหว่างค่าเงินในตลาดมืดและตลาดทางการลดน้อยลง แต่การแก้ไขปัญหาเสถียรภาพต่างประเทศผ่านเครื่องมืออัตราแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอสำหรับกรณีเศรษฐกิจเวียดนามที่กำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงในเวลาเดียวกันด้วย
ความอ่อนแอของฐานะดุลการค้าของเวียดนาม ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความไม่มีเสถียรภาพของค่าเงิน และการทรงตัวสูงของอัตราเงินเฟ้อในประเทศนั้น เป็นภาพที่แตกต่างไปจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ในเอเชียอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การอ่อนค่าของเงินดองเวียดนามจากความอ่อนแอของปัจจัยพื้นฐานของตนเอง ไม่น่าที่จะมีผลเชื่อมโยงมากำหนดทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียและเงินบาท อย่างไรก็ดี คงต้องยอมรับว่า การอ่อนค่าของเงินดองจากผลของการปรับลดค่าเงินนั้น อาจช่วยหนุนสถานะความได้เปรียบของค่าเงินดองเมื่อเทียบกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ที่อ่อนค่าในอัตราที่น้อยกว่านับจากต้นปี 2554 ที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็ดี การวัดศักยภาพในการแข่งขันจากความได้เปรียบของอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้สะท้อนภาพที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะยังคงมีปัจจัยอื่นๆ ที่น่าจะมีผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออก และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการสะท้อนภาพโดยสมบูรณ์ก็อาจจะต้องพิจารณาหลากหลายปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน อาทิ คุณภาพของสินค้าแต่ละประเภท และความเพียงพอของปริมาณสินค้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตร
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น