ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนพฤศจิกายน 2554 ได้รับผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้นจากเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในไทย และสัญญาณความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการหดตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายนที่มีความรุนแรงกว่าในเดือนตุลาคม แม้ว่ากำลังการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมบางส่วน จะทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงประมาณ 10 วันสุดท้ายของเดือนก็ตาม ทั้งนี้ จากภาพด้านลบของกิจกรรมการผลิตในประเทศ และโมเมนตัมที่แผ่วลงของเศรษฐกิจโลก ส่งผลทำให้การส่งออกของไทยในเดือนพฤศจิกายน 2554 มีมูลค่าลดลงมาเหลือเพียง 15,498 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งน้อยที่สุดในรอบ 19 เดือนที่ผ่านมา จากระดับ 17,192 ล้านดอลลาร์ฯ ในเดือนตุลาคม โดยการส่งออกบันทึกอัตราการหดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 2 ปี ที่ร้อยละ 12.4 ในเดือนพฤศจิกายน จากที่ขยายตัวร้อยละ 0.3 ในเดือนตุลาคม
สำหรับการส่งออกของไทยในปี 2555 นั้น คาดว่า ภาคการส่งออกของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงค่อนข้างมาก โดยมีปัจจัยกดดันทั้งจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ท่ามกลางความเสี่ยงที่ปกคลุมไปด้วยภาพด้านลบของวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนที่ยืดเยื้อ และจากผลกระทบของกำลังการผลิตที่สูญเสียไปจากผลของอุทกภัย (ซึ่งต้องใช้เวลาในการกอบกู้และฟื้นฟูกลับมาสู่ระดับปกติ) ขณะที่ การส่งออกสินค้าเกษตร/อาหาร ซึ่งเป็นตัวชูโรงสำคัญของภาคการส่งออกในปี 2554 ก็อาจมีแนวโน้มชะลอตัวลงเช่นกัน เนื่องจากการแข่งขันทางด้านราคาจากคู่แข่งที่น่าจะมีความรุนแรงขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2555 (ตามฐานดุลการชำระเงิน) อาจขยายตัวชะลอลงเหลือเพียงร้อยละ 5.0 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0-8.0 (หรือมีมูลค่าประมาณ 228,200-244,100 ล้านดอลลาร์ฯ) เทียบกับที่ขยายตัวประมาณร้อยละ 16.7 ในปี 2554
สำหรับภาคธุรกิจแล้ว ความผันผวนของทิศทางเศรษฐกิจโลก และค่าเงินบาทในช่วงปี 2555 อาจเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะนอกจากปัจจัยดังกล่าวจะกระทบต่อแนวโน้มความต้องการของสินค้าส่งออกของไทยแล้ว ยังอาจสร้างภาระต้นทุนเพื่อใช้ในส่วนของการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไปด้วยพร้อมกัน อนึ่ง เครือธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในปี 2555 อาจอยู่ที่ประมาณ 29.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งกว้างกว่ากรอบการเคลื่อนไหวในปี 2554 ซึ่งอยู่ที่ 29.50-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น