ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด น่าจะยังคงจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากต่อไปในการประชุมรอบที่ 7 ของปีในวันที่ 23-24 ตุลาคม 2555 ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจทั้งภายนอกและภายในที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฟดน่าจะยังคงดำเนินการซื้อพันธบัตรระยะยาวภายใต้โครงการ Maturity Extension Program หรือ Operation Twist จำนวน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือนจนถึงสิ้นปีนี้ และการซื้อตราสารที่หนุนโดยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ QE3 มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน ตลอดจนการส่งสัญญาณถึงการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำจนถึงช่วงกลางปี 2558 เพื่อช่วยประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ประเด็นด้านการเมือง/การคลัง ยังรอความท้าทายแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า โดยต้องติดตามผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 57 และการเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรส ครั้งที่ 113 ซึ่งอาจนำมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในการดำเนินนโยบายของทางการสหรัฐฯ ทั้งประเด็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ ตลอดจนการนำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้รอดพ้นจากปัญหา Fiscal Cliff ที่สหรัฐฯ จะต้องมีการรัดเข็มขัด พร้อมๆ กับมาตรการลดภาษีต่างๆ ที่กำลังทยอยหมดอายุลง ในขณะที่หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อาจจะชนเพดานอีกครั้งในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสถานะอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ รอบใหม่ได้
สำหรับผลต่อไทยนั้น แม้ในระยะที่ผ่านมา ผลจาก QE3 ต่อเงินทุนไหลเข้าและค่าเงินบาทจะยังไม่สร้างแรงกดดันมากนัก แต่เชื่อว่าทางการไทยจะยังคงติดตามประสิทธิผลและผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินอย่างใกล้ชิดต่อไป ขณะที่มองว่าทางการก็ยังพอมีเครื่องมือในการบริหารจัดการไม่ให้ประเด็น QE3 นี้ ก่อให้เกิดอุปสรรคต่อภาคการค้า-การลงทุนของไทย ส่วนนโยบายการเงินนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า พัฒนาการทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจะยังคงเป็นประเด็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยให้ความสำคัญ และคงพร้อมดำเนินนโยบายไปในแนวทางที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น