มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนก.ย. 2555 ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ร้อยละ 0.2 (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สอดคล้องกับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดว่า มูลค่าการส่งออกจะอยู่ที่ร้อยละ 0.0 (YoY) อย่างไรก็ดี อาจเร็วเกินไปที่จะประเมินว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว เนื่องจากสัญญาณเชิงบวกจากการส่งออกทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์บางรายการ ไม่น่าจะสามารถประคองจังหวะที่มั่นคงไว้ได้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐาน อาทิ สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ที่จะเอื้อต่อการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของภาคการส่งออกมารองรับ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประเมินว่า ความเปราะบางของภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีรอยต่ออยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 จนถึงต้นปี 2556 อาจทำให้ทิศทางการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคการส่งออกของไทยไม่น่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในปี 2555 อย่างไรก็ดี ผลของฐานที่ต่ำจากเหตุการณ์อุทกภัยปี 2554 และผลบวกจากคำสั่งซื้อเพื่อรองรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ จะช่วยหนุนให้มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาส 4/2555 เติบโตในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 25.0 (YoY) ซึ่งภาพดังกล่าวน่าจะเพียงพอที่จะช่วยประคองภาพรวมการส่งออกทั้งปี 2555 ให้ขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 5.0 (กรอบคาดการณ์ร้อยละ 3.0-7.0) ตามประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
สำหรับในปี 2556 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หากเศรษฐกิจโลกสามารถข้ามผ่านหลายบททดสอบที่รออยู่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 ไปได้ สัญญาณเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกดังกล่าว น่าจะเอื้อให้ภาพรวมของการส่งออกในปี 2556 มีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น โดยการส่งออกในช่วงต้นปีอาจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นในบางตลาด อาทิ จีน ซึ่งน่าจะเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยที่สามารถกลับสู่เส้นทางการขยายตัวได้เป็นลำดับต้นๆ ของโลก นอกจากนี้ หากทิศทางเศรษฐกิจโลกมีความมั่นคงมากขึ้นแล้ว ก็คาดว่า การส่งออกสินค้าที่เป็นกลุ่มตัวนำ เช่น รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตร ก็จะเป็นตัวช่วยเร่งการฟื้นตัวของแนวโน้มการส่งออกในปี 2556 ด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น