ภาพรวมทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา นับเป็นประเด็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งโดยรัฐบาลและธนาคารกลางอินโดนีเซียได้มีความพยายามในการปฏิรูปเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ออกมาตรการทั้งในเชิงการคลังและการเงินในช่วงที่ผ่านมา สืบเนื่องจากแรงกระทบด้านเศรษฐกิจและความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุน ซึ่งมาตรการที่สำคัญได้แก่ การที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 2 ครั้งติดต่อกัน และ การลดการอุดหนุนราคาน้ำมันในรอบปีครึ่ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การตัดสินใจปฏิรูปเศรษฐกิจรอบด้านดังกล่าวของรัฐบาลอินโดนีเซียนั้น เป็นการบรรเทาปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งนี้ ปัญหาที่สำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจทางด้านนโยบายเศรษฐกิจข้างต้น อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่ามาโดยตลอดจากการนำเข้าพลังงานสูง มูลค่าทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้แนวโน้มประเทศอินโดนีเซียในระยะสั้นย่อมได้รับผลกระทบเชิงลบจากมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจ ซึ่งอาจมีผลทำให้เศรษฐกิจอินโดนีเซียในปี 2556 ขยายตัวชะลอลงมาที่ร้อยละ 5.9 จากร้อยละ 6.2 ในปี 2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนและการลงทุนภายในประเทศคาดว่าจะชะลอตัว อย่างไรก็ตาม แนวทางการปฏิรูปประเทศดังกล่าวของรัฐบาลอินโดนีเซีย ย่อมส่งผลต่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง
ถึงแม้ว่า สภาพเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ณ ขณะนี้จะเผชิญความท้าทายในหลายด้าน แต่หากพิจารณาในระยะยาว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเล็งเห็นว่า อินโดนีเซียยังมีปัจจัยอื่นๆที่ช่วยส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนให้ยังมีความน่าสนใจอยู่ อาทิ โครงสร้างประชากรของประเทศเอื้อต่อการเจาะตลาด หรือ ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียในระยะอันใกล้ ควรพิจารณาเรื่องต้นทุนการผลิตและอัตราค่าแรงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอาจพิจารณาถึงความจำเป็นในส่วนของการปกป้องความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงกฎระเบียบทางด้านการลงทุนที่อาจมีบางประเด็นซึ่งเป็นอุปสรรคหรือสร้างความยุ่งยากในขั้นตอนการดำเนินธุรกิจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ หรือพฤติกรรมผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียมีความแตกต่างจากผู้บริโภคชาวไทย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น