การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 2556 นี้ มี 3 พรรคการเมืองใหญ่ที่มีบทบาทเด่น คือ พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People's Party: CPP) นำโดย นายกรัฐมนตรีฮุน เซน พรรคกอบกู้ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party: CNRP) นำโดยนาย สม รังสี และพรรคฟุนซินเปก (FUNCINPEC Party) นำโดยเจ้านโรดม อรุณรัศมี ซึ่งพรรคที่ได้คะแนนเสียงข้างมาก (62 ที่นั่ง) จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งนี้ กัมพูชาภายใต้การบริหารรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุน เซนในช่วงที่ผ่านมา ได้เน้นนโยบายการเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงนโยบายด้านการลงทุนอันช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนมากขึ้น จนสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้อย่างก้าวกระโดดและสนับสนุนการเติบโตของภาคการผลิตเพื่อส่งออกของกัมพูชา ซึ่งหากผลการเลือกตั้งไม่นำมาสู่การเปลี่ยนพรรคผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ก็คาดว่า กัมพูชาจะยังคงเดินหน้านโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศต่อเนื่อง
สำหรับไทย ยังมีโอกาสขยายความสัมพันธ์การค้าการลงทุนกับกัมพูชามากขึ้น ทั้งด้านการค้า จากที่ปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าที่สำคัญอันดับ 1 ของกัมพูชาด้วยสัดส่วนร้อยละ 28.4 ของการนำเข้าทั้งหมดของกัมพูชา ซึ่งช่องทางขยายการค้าทางชายแดนยังเติบโตได้สูง ซึ่งคาดปี 2556 การส่งออกทางชายแดนของไทยไปกัมพูชาน่าจะเติบโตได้ร้อยละ 15 คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 86,000 ล้านบาท โดยสินค้าหลักที่ไทยส่งออกไป อาทิ เครื่องยนต์ เครื่องจักรกล รถยนต์ รถจักรยานยนต์ น้ำตาลทราย รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคของไทยที่ยังคงได้รับความน่าเชื่อถือในสายตาชาวกัมพูชา นอกจากนี้ ในด้านการลงทุน โดยสาขาที่มีศักยภาพดึงดูดการลงทุนของกัมพูชา ครอบคลุมทั้งภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาวัตถุดิบและแรงงาน อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออก อาทิ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป รวมถึงภาคการท่องเที่ยว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น