ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุม ณ วันที่ 17-18 กันยายน 2556 นี้ คงจะเป็นการประชุมเฟดที่ทั่วโลกให้ความสนใจอย่างมาก โดยตลาดคาดว่าเฟดอาจจะเริ่มทำการปรับลดขนาดการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ลงในการประชุมครั้งนี้ พัฒนาการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวฟื้นขึ้นต่อเนื่อง และเป็นการฟื้นตัวพร้อมกันในหลายๆ ภาคส่วนเศรษฐกิจ (Broad-Based Recovery) คงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดตัดสินใจเริ่มปรับลดขนาดการซื้อพันธบัตร โดยการปรับลดลงขนาดของการซื้อสินทรัพย์ของเฟดคงเป็นการปรับลดในปริมาณที่ไม่มาก ท่ามกลางความเปราะบางของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่รออยู่ ขณะที่จังหวะในการปรับเปลี่ยนขนาดการซื้อพันธบัตรครั้งถัดๆ ไป ก็คงจะสอดคล้องกับพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า เป็นสำคัญ
อย่างไรก็ดี การปรับลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ของเฟด ไม่ได้หมายความว่า เฟดจะปรับเปลี่ยนท่าทีการดำเนินนโยบายการเงินให้เป็นแบบเข้มงวดขึ้น (Tightening Monetary Policy) เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คงอยู่ในระดับต่ำ น่าจะยังคงมีความจำเป็นในการสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อให้มั่นใจว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีเสถียรภาพอย่างแท้จริง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากความเปราะบางของเศรษฐกิจแกนหลักอื่นๆ ของโลก ทั้งนี้ คาดว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อเนื่อง จนกว่าระดับการว่างงานจะปรับลดลงเหลือ 6.5% หรือเงินเฟ้อปรับตัวเร่งขึ้นเกิน 2.5% ซึ่งยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย การปรับลดขนาดการซื้อพันธบัตรของเฟด อาจเป็นปัจจัยในระยะสั้นที่อาจจะกระทบกับการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทย อย่างไรก็ตาม พื้นฐานเศรษฐกิจและการเงินภาคต่างประเทศของไทยที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ น่าจะช่วยจำกัดผลกระทบจากการลดขนาดการซื้อสินทรัพย์ของเฟดได้บางส่วน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น