Display mode (Doesn't show in master page preview)

14 พฤษภาคม 2557

เศรษฐกิจต่างประเทศ

จับตาผลเลือกตั้งอินเดีย 16 พ.ค. 2557... โจทย์เศรษฐกิจรอท้าทายรัฐบาลชุดใหม่ (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 2501)

คะแนนเฉลี่ย
ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 จะเป็นวันประกาศผลการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียว่าพรรคใดจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยพรรคการเมืองที่ต้องจับตา คือ 2 พรรคใหญ่ ได้แก่ พรรคคองเกรส (Indian National Congress Party: INC หรือ คองเกรส) อันเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลชุดปัจจุบันนำโดย นายราหุล คานธี และพรรคภารติยา ชนาตา (Bharatiya Janata Party: BJP) ที่นำโดย นายนเรนทรา โมดี พรรคแกนนำฝ่ายค้านที่มาแรงที่สะท้อนจากผลสำรวจของหลายสำนักที่คาดว่า พรรค BJP อาจได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผลการเลือกตั้งน่าจะมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจไม่มากนัก
ทั้งนี้ โจทย์เศรษฐกิจของอินเดียยังเป็นปัจจัยท้าทายที่รัฐบาลชุดใหม่ของอินเดียต้องให้ความสำคัญ หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของอินเดียมีความเปราะบางและเผชิญแรงกดดันทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดียขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง ซึ่งโจทย์ที่ท้าทายรอรับรัฐบาลชุดใหม่ยังคงเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่ดันต้นทุนทางธุรกิจและค่าครองชีพพุ่งสูง ปัญหาขาดดุลแฝดทั้งในการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดยังมีความเปราะบางเชิงโครงสร้างและการขาดดุลการคลังยังต้องจับตาทิศทางการดำเนินนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่โดยเฉพาะในนโยบายอุดหนุนการใช้จ่าย รวมไปถึงความผันผวนในค่าเงินรูปีของอินเดียที่เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลใหม่อินเดียต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน
กระนั้นก็ดี ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ทิศทางเศรษฐกิจอินเดียน่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปัจจัยหนุนด้านการฟื้นตัวของการค้าและการลงทุน โดยคาดว่าเศรษฐกิจอินเดียน่าจะขยายตัวได้ราวร้อยละ 5-5.5 ในปีงบประมาณ 2557/58 (จากประมาณการขยายตัวราวร้อยละ 4.5- 4.7 ในปีงบประมาณ 2556/57

สำหรับด้านการค้าระหว่างไทยและอินเดีย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมการเติบโตของการส่งออกของไทยไปอินเดียในระยะข้างหน้าน่าจะเป็นผลจากการทยอยฟื้นตัวของการบริโภคและลงทุนและทิศทางการส่งออกของอินเดียที่ดีขึ้นตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ซึ่งคาดว่าในปี 2557 (มกราคม – ธันวาคม) นี้ การส่งออกของไทยไปอินเดียขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 0.5 – 3.0 หรือมีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ราว 5,200 – 5,335 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


เศรษฐกิจต่างประเทศ