ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 27-28 มกราคม 2558 เฟดน่าจะยังคงอยู่ในเส้นทางในการทยอยกลับเข้าสู่การดำเนินนโยบายการเงินแบบปกติ (Policy Normalization) โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ หลังจากการประชุม FOMC ในครั้งก่อนหน้า เฟดได้มีการส่งสัญญาณต่อตลาดว่าจะอดทน (Patient) ในการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งนี้ แม้ว่าพัฒนาการของเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจ แสดงถึงโอกาสในการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินให้เป็นปกติมากขึ้นของเฟดในปีนี้ แต่คงต้องยอมรับว่าปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อาทิ 1.ผลของการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มเติมของธนาคารกลางขนาดใหญ่ 2.ทิศทางของเงินเฟ้อที่มีความเสี่ยงที่จะปรับลดลงต่อเนื่อง และ 3. ผลกระทบ ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงอาจกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะรัฐที่มีสัดส่วนอุตสาหกรรมพลังงานขนาดใหญ่ อาจลดทอนโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้อ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งคงส่งผลให้เฟดอาจจะมีความระมัดระวังมากขึ้นในการเลือกจังหวะที่เหมาะสมในการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงิน
สำหรับผลต่อไทยนั้น ท่าทีของเฟดที่ถูกคาดหมายว่าจะคงระดับการผ่อนคลายทางการเงินอย่างต่อเนื่อง คงไม่น่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. มากนัก โดยปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของไทยในระยะสั้นถึงกลาง คงจะขึ้นอยู่กับความผันผวนของตลาดการเงิน ภายใต้บริบทที่การดำเนินนโยบายของธนาคารกลางขนาดใหญ่มีความแตกต่างกันมากขึ้น โดยปัจจัยเฉพาะหน้าที่ต้องจับตา นอกเหนือจากพัฒนาการของการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย คงได้แก่ ผลของการดำเนินมาตรการซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ของ ECB ที่คงสร้างความผันผวนให้กับตลาดเงินได้ในระยะสั้น รวมทั้งการปรับตัวของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดโลกอันเป็นผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนแปลงการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่ ซึ่งคงเป็นปัจจัยที่ กนง.จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น