มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังจีนในปี 2557 ที่หดตัวลงถึงร้อยละ 7.9 สะท้อนถึงผลกระทบจากภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในปีดังกล่าวที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 7.4 ที่มีต่อภาคการผลิตและการส่งออกของไทย ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2558 คงขยายตัวชะลอลงที่ราวร้อยละ 7.2 อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยความเสี่ยงเฉพาะหน้าที่เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น ทำให้เราเพิ่มมุมมองที่ระมัดระวัง และมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ โดยมีประเด็น ดังนี้
- ความเสี่ยงจากภาคการเงิน ภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอ นำไปสู่ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจที่เสื่อมถอยลง ซึ่งคงนำไปสู่ประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของภาคธุรกิจ และอาจสร้างแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นและเสถียรภาพของระบบการเงินในภาพรวม
- ความเสี่ยงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมค่อนข้างมาก เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 13.0 ของจีดีพี อีกทั้งราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง ยังมีผลทางจิตวิทยาผ่านความมั่งคั่งของครัวเรือนที่ลดลง (Wealth effect)
- ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแกนหลัก อย่างยูโรโซนและญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ยังคงเปราะบางส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการส่งออกของไทยไปจีนจะขยายตัวในช่วงร้อยละ (-0.5)-4.5 โดยสินค้าส่งออกหลักดั้งเดิม กล่าวคือ ยางพาราและสินค้าขั้นกลาง ยังคงอยู่ภายใต้ปัจจัยกดดัน ขณะที่ มันสำปะหลังและผลไม้ยังคงเป็นสินค้าดาวเด่น อย่างไรก็ตาม โอกาสในระยะยาวของผู้ประกอบการไทยคงอยู่ที่การเพิ่มสัดส่วนการส่งออกในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคให้มากขึ้น การใช้ช่องทางการขายสินค้าใหม่ๆ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในตลาดจีน อันได้แก่ ช่องทางการค้าปลีกออนไลน์ และรวมถึงการแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ๆ ทางเมืองตอนในและภาคตะวันตกของจีน ซึ่งระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นเมืองคงสูงขึ้นเป็นลำดับต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น