หากพิจารณาตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย พบว่า มีเพียงการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ที่ฉายความโดดเด่นขึ้นมา และน่าจะสามารถกลับมาครองแชมป์ตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยได้ในปี 2558 นี้ จากสัญญาณบวกของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในสหรัฐฯ ได้ทยอยฟื้นกลับมาตั้งแต่กลางปี 2557 หนุนการส่งออกสินค้าไทยเพิ่มขึ้นจนกระทั่งแซงหน้าตลาดจีนได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน 2557 และแซงหน้าจีนได้เป็นอันดับ 1 อีกครั้งในเดือนมกราคม 2558 ซึ่งทิศทางการส่งออกสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ ยังมีโอกาสจะเร่งตัวชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลัง
นับจากนี้ไป การเติบโตของกำลังซื้อในสหรัฐฯ เป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้สินค้าไทยทำตลาดได้มากขึ้น โดยผู้ประกอบการแบรนด์คนไทยที่ได้อานิสงส์อยู่ในกลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าเกษตรและอาหาร เคหะสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มไลฟ์สไตล์ ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมโดยรวมก็มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าไทยที่ทำตลาดสหรัฐฯ มานานอย่างคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ยานยนต์และส่วนประกอบ กระนั้นก็ดี สินค้าจีนและเวียดนามซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยก็ได้อานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกำลังฉวยพื้นที่ตลาดของสินค้าไทยมากขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรอาศัยจังหวะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ สดใส เดินเกมรุกขยายตลาดให้มากขึ้น ต่อยอดจากสินค้าไทยที่มีพื้นที่ตลาดในสหรัฐฯ บ้างแล้ว เร่งผลักดันสินค้ากลุ่มใหม่ของไทยให้เป็นเครื่องช่วยหนุนการเติบโตของการส่งออกไปสหรัฐฯ ในระยะยาว ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่หรือปรับกลยุทธ์ส่งสินค้าไปจับตลาดให้เท่าทันกับพฤติกรรมการบริโภค อาทิ สินค้าเครื่องใช้เพื่อความสะดวกสบายและความบันเทิง เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์แต่งบ้าน ของตกแต่งสำหรับงานเทศกาลรื่นเริง และสินค้าเพื่อผู้สูงอายุ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดเป้าหมาย โดยการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2558 น่าจะขยายตัวร้อยละ 5 (กรอบประมาณการขยายตัวร้อยละ 3-7) มีมูลค่าการส่งออกราว 25,100 ล้านดอลลาร์ฯ (กรอบประมาณการมูลค่าการส่งออกที่ 24,600-25,500 ล้านดอลลาร์ฯ) ขยายตัวเร่งขึ้นจากร้อยละ 4.1 ในปี 2557 ที่มีมูลค่าการส่งออก 23,892 ล้านดอลลาร์ฯ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น