เวียดนามมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูงต่อเนื่องจนถูกขนานนามว่า ;เสือตัวใหม่แห่งอาเซียน” ส่วนหนึ่งมาจากความน่าสนใจของประเทศในด้านการลงทุนภาคการผลิตเพื่อส่งออก ด้วยปัจจัยการเป็นฐานการผลิตต้นทุนต่ำ ประกอบกับเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่กว่า 91 ล้านคน ส่งผลให้ในปี 2557 เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่ได้รับการอนุมัติของเวียดนามสูงสุดเป็นประวัติการณ์และแซงหน้าไทยเป็นปีแรก อีกทั้ง เวียดนามยังขยับขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ของอาเซียนไปยังสหรัฐฯ แซงไทยและมาเลเซีย
อุตสาหกรรมที่น่าจับตาของเวียดนามย่อมหนีไม่พ้นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่ทั้งมูลค่าการส่งออกและ FDI สูงกว่าไทยในปี 2557 ซึ่งสาเหตุหลักที่ FDI ที่เข้ามายังเวียดนามในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดคงมาจากการที่ผู้ผลิตรายใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ได้เพิ่มการลงทุนในเวียดนาม ซึ่งสินค้าที่ผลิตส่วนใหญ่อยู่ในกระแสความนิยมบริโภคของโลก อาทิ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
ทั้งนี้ เวียดนามส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2557 ราว 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แซงไทยที่ส่งออกได้เพียง 46,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยับขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อันดับที่ 3 ของอาเซียน เป็นรองเพียงสิงคโปร์และมาเลเซีย นอกจากนี้ แนวโน้มการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามยังมีโอกาสขยายตัวได้สูงโดยเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปีในช่วงปี 2558 – 2562 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของเวียดนามในปี 2562 อาจแตะ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของไทยขยายตัวเพียงเล็กน้อยร้อยละ 2.0 ต่อปีไปอยู่ที่ 51,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
พลวัตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เวียดนามข้างต้นส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว ทั้งนี้ ปัจจุบันเป็นยุคที่โลกจะก้าวไปสู่เทคโนโลยีที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์อัจฉริยะให้สื่อสารกันได้เอง (Internet of things) ซึ่งเป็น Megatrend ของศตวรรษที่ 21 จึงเป็นโอกาสของไทยในการเกาะกระแสดังกล่าว ด้วยการใช้จุดแข็งของอุตสาหกรรม E&E ในประเทศที่มีมายาวนานให้ก้าวข้ามการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้กับอุปกรณ์บนเทคโนโลยีเดิม ดังนั้น ภาครัฐและภาคเอกชนไทยควรเตรียมความพร้อมของประเทศให้เป็นศูนย์กลาง FDI ของการผลิตสินค้าข้างต้นเพื่อการลงทุนและการบริโภคที่แพร่หลายมากขึ้นในอนาคต ผ่านการเพิ่มความชัดเจนของนโยบายภาครัฐให้แก่นักลงทุนต่างชาติในระยะยาว พร้อมยกระดับคุณภาพของบุคลากรให้สูงขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น