การลดค่าเงินหยวนของจีนตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้แก่ตลาด แต่ก็ถือว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของท่าทีเชิงนโยบายการจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของจีน โดยจะให้อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงของเงินหยวนสอดคล้องกับตลาดมากขึ้น อันซ่อนนัยถึงแนวโน้มการอ่อนค่าในระยะยาวของเงินหยวน ท่ามกลางสถานการณ์ที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งค่าจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงท่าทีเชิงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว สะท้อนถึงความจำเป็นของทางการจีนในการใช้ค่าเงินเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออก หลังจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเผชิญกับข้อจำกัดทางประสิทธิผลต่อระบบเศรษฐกิจ
ผลกระทบของเงินหยวนที่อ่อนค่าลงต่อเศรษฐกิจไทยคงผ่าน 2 ช่องทางหลัก คือ การส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งจีนถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุดของไทย ทั้งนี้ หากค่าเงินหยวนไม่อ่อนค่าลงอีกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าผลกระทบเบื้องต้นในทั้ง 2 ช่องทางดังกล่าวคงเป็นไปในกรอบที่จำกัด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยเพิ่มมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้น และคาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยไปจีนตลอดปี 2558 คงจะหดตัวในช่วงร้อยละ (-)5.5 ถึง (-)3.2 จากคาดการณ์เดิมที่หดตัวร้อยละ (-)1.0 ขณะที่ ทิศทางของตลาดนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่เหลือของปี 2558 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า น่าจะยังเติบโตได้ โดยสังเกตได้ว่า แม้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ล่าสุด การปรับตัวอ่อนค่าลงของเงินหยวนนั้น โดยเปรียบเทียบแล้วยังอ่อนค่าลงน้อยกว่าการอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ภาพรวมทั้งปี 2558 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 7.24 ล้านคน เติบโตประมาณร้อยละ 56.1 เมื่อเทียบกับที่หดตัวร้อยละ 0.3 ในปี 2557
ทั้งนี้ ทิศทางแนวโน้มของค่าเงินหยวนในระยะข้างหน้า คงขึ้นอยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจจีน ซึ่งหากยังสะท้อนภาพที่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด ก็อาจกดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงมากยิ่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งในกรณีดังกล่าว ผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวที่พึ่งพาตลาดจีน ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นตามลำดับด้วย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น