เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ทางการเวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป (EU-Vietnam Free Trade Agreement: EU-VN FTA) อย่างเป็นทางการ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายปี 2560 หรือต้นปี 2561 โดย EU และเวียดนามจะมีการเปิดเสรีระหว่างกันทั้งด้านการค้าในมิติที่กว้างและลึกขึ้น รวมไปถึงการลงทุนในภาคการผลิตที่ใช้ทุนและเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งคงจะทำให้เวียดนามกลายเป็นคู่ค้าที่สำคัญของ EU และเป็นประเทศปลายทางการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก EU ดังนั้น การเกิดขึ้นของ EU-VN FTA นี้ นับเป็นอีกหนึ่งข้อตกลงทางการค้าเสรีที่จะช่วยระดับความสามารถทางการแข่งขันของเวียดนามในอนาคตข้างหน้าต่อไป
ทั้งนี้ ในระยะสั้น การบรรลุ EU-VN FTA คงไม่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการลงทุนของไทยเท่าไรนัก เนื่องจากโครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยและเวียดนามมีความแตกต่างกันอยู่มาก อีกทั้ง FDI ที่หลั่งไหลเข้ามาในไทยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ทุนและเทคโนโลยีในระดับที่ค่อนข้างสูง แตกต่างจากการลงทุนในเวียดนามที่จะกระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้นเป็นหลัก ทว่า ในระยะยาว หากเวียดนามสามารถยกระดับภาคการผลิตและทักษะแรงงานให้รองรับการผลิตที่ซับซ้อนขึ้นได้ ประกอบกับเมื่อข้อตกลง EU-VN FTA และ TPP มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ก็อาจส่งผลกระทบต่อความน่าสนใจและภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศปลายทางการลงทุนที่สำคัญภายในภูมิภาค อันจะนำมาซึ่งความท้าทายของภาคการส่งออก ตลอดจนการพัฒนาภาคการผลิตของไทยในลำดับต่อไป
ดังนั้น ในระยะใกล้นี้ การรักษาความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยคงจะเป็นการออกไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี GSP อย่างเมียนมา กัมพูชา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนาม เพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์สินค้าก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าส่งออกไทยในตลาดโลกได้มากขึ้น ทั้งนี้ ในระยะต่อไป ทางการไทยควรเร่งยกระดับภาคการผลิตและฝีมือแรงงานภายในประเทศให้สามารถรองรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูด FDI ที่ใช้ทุนและเทคโนโลยีระดับสูงให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ระหว่างที่รอความคืบหน้าของการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับ EU และการเข้าร่วมเป็นสมาชิก TPP
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น