ตัวเลขเศรษฐกิจจีนในเดือน เม.ย. 2560 บ่งชี้ถึงสัญญาณที่เริ่มอ่อนแรงของภาคเศรษฐกิจ
อันเป็นผลมาจากความพยายามจัดการภาคการผลิตที่มีกำลังการผลิตส่วนเกิน และการเอาจริงเอาจังกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวอย่างร้อนแรง โดยมุมมองต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนซึ่งนับเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักในช่วงไตรมาสที่ 1/2560 นั้น น่าจะเข้าสู่ทิศทางที่ชะลอลง โดยมีปัจจัยหลักมาจากนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของธนาคารกลางจีน ดังนั้น เศรษฐกิจจีนนับต่อจากนี้ น่าจะมีทิศทางที่อ่อนลงในช่วงที่เหลือของปี 2560 หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ร้อยละ 6.9 (YoY)
ในไตรมาสที่ 1/2560
ถึงแม้จีนจะเผชิญความเสี่ยงที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ทว่า ยังคงมีปัจจัยที่ช่วยประคองเศรษฐกิจจีนให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ทางการวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของการค้าระหว่างประเทศ นำโดยการส่งออกของจีนที่คาดว่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ราวร้อยละ 4.2 จากที่หดตัวต่อเนื่องมากว่า 2 ปี หรือการบริโภคภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งสะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงกว่า 110 เป็นเวลา 2 เดือนติดกัน (มี.ค. – เม.ย. 2560) โดยตัวเลขดังกล่าวนับว่าอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี
จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นกว่าคาดในไตรมาสที่ 1/2560 ซึ่งขยายตัวได้กว่าร้อยละ 6.9 (YoY) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ปรับเพิ่มประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2560 นี้มาอยู่ที่ร้อยละ 6.5 จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 6.4 โดยยังคงมีมุมมองเชิงระมัดระวังในช่วงที่เหลือของปี 2560 จากความเสี่ยงทางด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจและการควบคุมภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มจริงจังมากขึ้น
พร้อมกันนี้ จากโมเมนตัมการฟื้นตัวของการส่งออกจีนที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2559 เป็นต้นมา บวกกับการบริโภคภาคเอกชนที่เติบโตต่อเนื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การนำเข้าของจีนเพื่อมาตอบโจทย์สินค้าอุตสาหกรรมและการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวได้ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การส่งออกของไทยไปยังจีนในปี 2560 จะสามารถขยายตัวได้ในกรอบร้อยละ 5.5-8.5 (ค่ากลางที่ร้อยละ 7.0) โดยทิศทางการอ่อนแรงของภาคอสังหาริมทรัพย์และการผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมที่ทางการจีนพยายามปฏิรูป ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกไทยที่เกี่ยวข้อง อาทิ เหล็กและเหล็กกล้า อย่างมีนัยสำคัญ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น