ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ออกมาล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตได้ดีในไตรมาสที่สาม โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) สำหรับไตรมาสที่ผ่านมามีการขยายตัวร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว (YoY) ซึ่งเป็นการชะลอลงเพียงเล็กน้อยจากช่วงครึ่งแรกของปีที่เติบโตร้อยละ 6.9 YoY นอกจากนี้ ผลผลิตอุตสาหกรรมก็ได้มีการขยายตัวร้อยละ 6.6 YoY ในเดือนกันยายน จากที่มีการขยายตัวร้อยละ 6.0 YoY ในช่วงเดือนสิงหาคม ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเร่งขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนกันยายนที่ร้อยละ 10.3 YoY จากร้อยละ 10.1 YoY ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งด้านอุปสงค์
ข้อมูลการค้าของจีนก็ส่งสัญญาณบวกเช่นกัน โดยที่การส่งออกปรับตัวขึ้นร้อยละ 8.1 YoY และการนำเข้าก้าวกระโดดถึงร้อยละ 18.7 YoY ทำให้เกินดุลการค้า 28.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่ทั้งการส่งออกและนำการเข้าขยายตัวมากกว่าในช่วงเดือนสิงหาคมที่ทั้งสองมีการเติบโต ร้อยละ 5.5 และร้อยละ 13.3 ตามลำดับ มูลค่าการค้าที่แข็งแกร่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม และอุปสงค์สำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงแรงอยู่ รวมถึงปัจจัยเรื่องราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ จำพวกแร่เหล็ก เป็นต้น
หากจะมองไปยังไตรมาสที่สี่แล้ว เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะชะลอลงเล็กน้อย ทั้งนี้เพราะผลกระทบจากฐานที่สูง (high base effect) จากไตรมาสที่สี่ในปีที่แล้ว ที่จะส่งผลเชิงลบต่ออัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมของจีนในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และเพราะความอ่อนแรงในภาค SME ซึ่งถูกสะท้อนอยู่ในที่ดัชนี Caixin อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจจีนได้สร้างโมเมนตัมไว้มากพอควรแล้วในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาที่ขยายตัวเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 6.9 บวกกับการที่ทางรัฐบาลจีนน่าจะดำเนินนโยบายประคับประคองการเติบโตของเศรษฐกิจให้ไม่ต่ำจนเกินไปในไตรมาสที่สี่ ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.7 YoY ในปีนี้
ส่วนด้านการที่ทางการจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจนั้น คาดว่าจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยที่หนึ่งในอุปสรรคต่อการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจต่างๆก็คือระบบราชการที่ซับซ้อน และการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่กำลังดำเนินการอยู่จะทำให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้รวบรวมอำนาจทางการเมืองให้ตนมีอิทธิพลมากยิ่งไปกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ย่อมทำให้การปฏิรูปดำเนินการได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้ทำให้เศรษฐกิจจีนน่าจับตามองยิ่งในช่วงที่เหลือของปี
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น