ผลการเลือกตั้งทั่วไปอย่างไม่เป็นทางการของญี่ปุ่นที่มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค. 2560 ที่ผ่านมา พรรครัฐบาล LDP ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะยังคงครองเสียงข้างมากและน่าจะกลับมาบริหารประเทศได้อีกสมัย โดยได้กระแสตอบรับที่ดีจากการชูนโยบายความมั่นคงของประเทศ จากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ในคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ดี นโยบายเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ายังไม่ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ และเป็นประเด็นที่นักธุรกิจภายในประเทศ รวมถึงประเทศคู่ค้าของญี่ปุ่นทั่วโลกให้ความสนใจ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า นโยบายการเงินและการคลังภายใต้การบริหารของพรรค LDP จะยังคงดำเนินต่อไปแต่อาจไม่ได้เพิ่มขนาดมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดทอนความเสี่ยงที่อาจเกิดกับระบบเศรษฐกิจในอนาคต ภายหลังจากที่นโยบายธนูดอกที่ 1 และ 2 ภายใต้ Abenomics ดังกล่าวยังคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสวนทางกับภาระทางการเงินและการคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ส่วนแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในระยะข้างหน้า คาดว่าคงต้องจับตาแผนการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมว่าจะออกมาในทิศทางใด เพื่อเพิ่มผลิตภาพของแรงงานของประเทศ และพลิกฟื้นการเป็นชาติผู้นำ “นวัตกรรม” ของโลกให้กลับมาอีกครั้งภายใต้นโยบาย Society 5.0 ภายใต้ข้อจำกัดทางด้านสังคมหลายประการที่ต้องใช้ระยะเวลานานในการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญสังคมสูงวัยระดับสุดยอดที่มีผลต่อกำลังแรงงานของประเทศ หรือแม้แต่โครงสร้างการจ้างงานของบริษัทญี่ปุ่นที่มีความยืดหยุ่นต่ำ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นจำต้องเน้นบทบาทเชิงรุกในการเจรจาความตกลงทางการค้าแบบทวิภาคีมากขึ้น ซึ่งจะเป็นแนวทางในการรักษาบทบาทการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่นให้ยังคงอยู่สืบไป
ส่วนประเด็นทางด้านความสัมพันธ์ทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างญี่ปุ่นกับไทยในระยะข้างหน้านั้น การกลับมาของนายกรัฐมนตรีอาเบะมีส่วนช่วยในเรื่องความต่อเนื่องของนโยบายต่างๆ ที่มีกับไทย โดยเฉพาะการสนับสนุนการพัฒนา 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ของไทยให้สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น