อินเดียไม่เพียงเป็นประเทศที่น่าสนใจด้วยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกแต่ในปี 2563 ที่ผ่านมายังดึงดูด FDI ไหลเข้าประเทศสูงจนกลายเป็นอันดับที่ 5 ของโลก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การลงทุนกลุ่มใหม่ที่เข้ามาหลังจากนี้โดยเฉพาะธุรกิจบริการเกาะกระแสดิจิทัล E-commerce และ ICT การผลิตสินค้าเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า/อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ไฟฟ้า ล้วนมีบทบาทในการพลิกโฉมโครงสร้างการผลิตอินเดียให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตโลก อานิสงส์ประเทศผู้ส่งออกสินค้าขั้นกลางต่างๆ รวมถึงไทยที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญมีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับการผลิตอินเดีย
สำหรับไทยในเวลานี้อินเดียเป็นตลาดอันดับ 10 ของไทย และเป็นตลาดสำคัญที่สุดของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ โดยการส่งออกของไทยไปอินเดียในช่วง 7 เดือนแรกปี 2564 เติบโตสูงถึงร้อยละ 57.5 (YoY) มีมูลค่า 4,486 ล้านดอลลาร์ฯ แม้ว่าระหว่างกันจะมีความตกลง FTA มายาวนาน แต่ความสัมพันธ์ผ่านการส่งออกของไทยไปยังอินเดียมีสัดส่วนน้อยเพียงร้อยละ 2.9 ของการส่งออกไทยไปตลาดโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตในสินค้าในกลุ่มวัตถุดิบขั้นต้น อาทิ ทองแดง เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เพื่อสนองการผลิตและการบริโภคของอินเดียที่เพิ่มขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ด้วยแรงขับเคลื่อนของตลาดโลกที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจอินเดีย ประกอบกับสินค้าไทยเป็นวัตถุดิบขั้นต้นที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าเพื่อใช้ภายในประเทศอินเดีย ดังนั้นอินเดียจึงน่าจะเป็นอีกตลาดที่ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติก่อนโควิด-19 โดยในช่วงที่เหลือของปีการส่งออกอาจเติบโตเชื่องช้าจากฐานปีก่อนที่ปรับสูงขึ้นแต่ตลอดปี 2564 คาดว่ามูลค่าส่งออกไปอินเดียจะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ต่ำกว่า 7,700 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวร้อยละ 40 สำหรับในระยะข้างหน้า หากอินเดียมีพัฒนาด้านการลงทุนเติบโตอย่างน่าสนใจเช่นนี้ไปเรื่อยๆ คงโน้มนำความต้องการสินค้าขั้นกลางจากไทยเข้าไปทำตลาดได้ตามมาจากปัจจุบันที่มีมูลค่าค่อนข้างน้อยจำกัดเพิ่มเติมจากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นกลุ่นชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยได้ขยายตลาดใหม่ในเอเชียใต้ได้อีกทางหนึ่ง
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น