ภาพเศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี 2561 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 4.8 ต่อปี จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ GDP ในไตรมาสที่ 2 ที่ร้อยละ 4.6 ต่อปี โดยการใช้จ่ายในประเทศได้กลายเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากการส่งออกและการท่องเที่ยว ตลอดจนปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่ออกมามาก
เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 คาดว่า จะยังคงรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากมาตรการภาครัฐทั้งการเร่งเบิกจ่ายงบกลางปี 2561 การเร่งเบิกจ่ายโครงการลงทุนภาครัฐ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลกทั้งในประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ รวมถึงประเด็นเศรษฐกิจตุรกี โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินสถานการณ์ข้อพิพาททางการค้าของสหรัฐฯ และจีน รวมถึงประเด็นเศรษฐกิจของตุรกีว่า น่าจะยืดเยื้อไปจนถึงปีหน้า ทำให้ประเด็นดังกล่าวมีผลต่อเศรษฐกิจไทยผ่านความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุน และอัตราแลกเปลี่ยน ในขณะที่การส่งผ่านผลกระทบมายังการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงมีอยู่อย่างจำกัดในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ครัวเรือนบางส่วน โดยเฉพาะครัวเรือนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกยังมีความกังวลว่า สภาพภูมิอากาศและสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนจะส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรมและภาคการค้า นอกจากนี้ หลายครัวเรือนยังกังวลว่าน้ำจะท่วมบ้านเรือนของตนเอง ซึ่งอาจจะทำให้ต้องดึงเงินออมส่วนหนึ่งมาใช้ในการซ่อมแซมบ้านเรือน ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ว่ามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าใกล้กรอบบนของประมาณการเศรษฐกิจที่ร้อยละ 4.0-5.0 (ค่ากลางที่ร้อยละ 4.5)
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น