ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% จากระดับ 2.00-2.25% ไปสู่ระดับ 1.75-2.00% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 17-18 กันยายนนี้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีทิศทางชะลอลง โดยเฉพาะภาคการผลิตและการจ้างงาน ตลอดจน ปัจจัยความไม่แน่นอนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ ทั้งนี้ ในส่วนของการสงสัญญาณอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด เจ้าหน้าที่เฟดน่าจะส่งสัญญาณว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงมาน่าจะมีความเหมาะสมต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างคาดการณ์ต่อตลาดการเงิน อันจะส่งผลให้ความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้ามีน้อยลง ในส่วนของมุมมองการเติบโตของเศรษฐกิจ เฟดอาจจะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้และปีหน้าลงเล็กน้อย โดยการปรับลดมุมมองเศรษฐกิจของเฟด ทั้งนี้การส่งสัญญาณดังกล่าวเป็นการสะท้อนปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไม่น่าจะมีนัยสำคัญต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า
สำหรับผลต่อเศรษฐกิจไทย การดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางขนาดใหญ่ ภายใต้บริบทที่ปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่มีปัจจัยพื้นฐานด้านต่างประเทศแข็งแกร่ง มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูง และไม่ได้เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าในสัดส่วนที่สูง เช่น ประเทศไทย มีความน่าสนใจในการดึงดูดเงินทุนไหลเข้า การดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางขนาดใหญ่คณะกรรมการนโยบายการเงินคงจะพิจาณาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศในการการดำเนินนโยบายการเงินมากกว่าการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของธนาคารกลางขนาดใหญ่โดยลำพัง ซึ่งทำให้คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยคงไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเฟดในทันที แต่คงจะรอติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆ ต่อไปอีกระยะหนึ่งก่อน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น