นโยบายเศรษฐกิจที่ประกาศโดยนายมหาธีร์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของมาเลเซียมีการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายของรัฐบาลชุดเก่าอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุนของประเทศ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมหาธีร์ได้ประกาศยกเลิกแผนงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศมูลค่ากว่า 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียกับสิงคโปร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การทบทวนโครงการก่อสร้าง Mega projects ซึ่งรวมถึงรถไฟความเร็วสูงระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ที่เพิ่งถูกยกเลิกไปนั้น คงจะไม่กระทบอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของมาเลเซียในระยะสั้น ขณะเดียวกันอาจมีส่วนช่วยลดภาระทางการคลังของประเทศในระยะยาว จากปัจจัยพื้นฐานด้านฐานะการคลังของมาเลเซียที่ยังเปราะบาง ณ ขณะนี้ ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อการพิจารณาอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในอนาคต
ส่วนรูปแบบของนโยบายส่งเสริม FDI ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อปริมาณเม็ดเงิน FDI ของมาเลเซียไม่มากนัก หากพรรครัฐบาลใหม่สามารถทำให้เอกชนมั่นใจถึงความต่อเนื่องของทิศทางการดำเนินนโยบายบริหารประเทศ ซึ่งการเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติดังกล่าวจะมีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพของเม็ดเงินลงทุนจริงในระยะข้างหน้าไม่ให้ชะลอลงมาก อย่างไรก็ดี ยังคงต้องจับตาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบการลงทุนต่างๆที่อาจเอื้อประโยชน์ให้กับคนท้องถิ่นมากขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า อัตราการขยายตัวของ GDP มาเลเซียในปี 2561 อาจชะลอลงมาที่ร้อยละ 5.3 จากปี 2560 ที่ขยายตัวได้กว่าร้อยละ 5.9 โดยยังคงมุมมองเชิงระมัดระวัง ส่วนผลกระทบต่อตลาดการเงินของมาเลเซียนั้น ความไม่แน่นอนเชิงนโยบายต่างๆในระยะข้างหน้าอาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนของนักลงทุนต่างชาติจึงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
ดังนั้น ความชัดเจนทางด้านนโยบายการบริหารประเทศของมาเลเซียในระยะ 5 ปีนับจากนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น