สินเชื่อภาคธุรกิจระยะสั้นและสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน
กลับมาขยายตัวสูงในเดือน พ.ค. ขณะที่สินเชื่อรายย่อยเกือบทุกประเภท
โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลที่มีและไม่มีหลักประกัน
ยังโตต่อเนื่อง ส่งผลให้สินเชื่อสุทธิของ
ธ.พ. ไทย 14 แห่ง ณ พ.ค. 2562 ขยับขึ้นถึงเกือบ
9 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนุนให้ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้น
4.77%
YoY เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 0.89% YTD เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2561 อย่างไรก็ดี อัตราเติบโตของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีน้ำหนักสูงสุดในสินเชื่อรายย่อย
ยังคงมีทิศทางชะลอลง เช่นเดียวกับสินเชื่อเอสเอ็มอีและสินเชื่อธุรกิจเพื่อการลงทุนระยะยาว
ที่ยังฟื้นตัวในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด ตามทิศทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
ด้านเงินฝากในเดือน
พ.ค. 2562 ปรับลดลงกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือ -0.25% หลังจากที่ขึ้นแรงในเดือนก่อนหน้า ทำให้ยอดเงินฝากรวมเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนและสิ้นปีก่อนที่
3.23% YoY และ 2.45% YTD ตามลำดับ โดยลดลงทั้งบัญชีเงินฝากประจำที่ครบกำหนดจำนวนมากในธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง
ประกอบกับการไหลออกของเงินบัญชีกระแสรายวันและออมทรัพย์ในธนาคาร 3-4 แห่ง
สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการลดลงของเงินฝาก
ทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่รวมเงินกู้ยืม (Loan
to Deposit+Borrowing: L/D+BE) ณ พ.ค. 2562 ปรับขึ้นมาที่ระดับ 92.36% จากระดับ 91.59% ในเดือน เม.ย. 2562 (แต่ยังต่ำกว่า ณ สิ้นปีก่อนที่ 92.71%) อย่างไรก็ดี คาดว่า
ธนาคารยังคงสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องให้พอเพียง และสอดคล้องกับจังหวะของการปล่อยสินเชื่อได้
ี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย อยู่ระหว่างทบทวนเพื่อปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ไทยในปีนี้ลง
(จากตัวเลขคาดการณ์ปัจจุบันที่ 5.0%) ตามแนวโน้มการฟื้นตัวที่อาจจะยังค่อนข้างจำกัดของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี
ซึ่งน่าจะมีผลต่อศักยภาพการกู้ยืมของลูกค้าบางกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี
และสินเชื่อรายย่อยที่เป็นหนี้ผูกพันระยะยาว อาทิ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ขณะที่ยังต้องติดตามการเบิกใช้สินเชื่อของภาคธุรกิจ
ซึ่งขึ้นอยู่กับบรรยากาศการลงทุนโดยรวม และความคืบหน้าของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น