ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย
น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย นโยบายที่ระดับ 1.50% ในการประชุมครั้งนี้
รวมถึงการประชุมรอบสุดท้ายในเดือนธันวาคม ทั้งนี้
แม้ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินบางท่านจะเริ่มส่งสัญญาณถึงความพร้อมในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินของไทย
แต่คงต้องยอมรับว่าโอกาสที่ กนง. จะปรับขึ้นนโยบายการเงินในปีนี้คงมีไม่มาก
หลังจากที่ภาคเศรษฐกิจต่างประเทศของไทย ทั้งการท่องเที่ยวและการส่งออกมีสัญญาณอ่อนแรงลงพร้อมกัน
แม้ว่าบางส่วนจะมาจากปัจจัยเฉพาะ
แต่ก็น่าจะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงินคงจะให้น้ำหนักการดำเนินนโยบายการเงินไปที่การรักษาเสถียรภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อาจต้องอาศัยแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ
ทั้งจากการบริโภค รวมทั้งการลงทุน ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในจังหวะนี้อาจจะสร้างความเสี่ยงเพิ่มเติม
ผ่านค่าเงินบาทที่อาจจะปรับแข็งค่าขึ้นซึ่งจะไม่เป็นผลดีความสามารถในการแข่งขัน
และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้ง
อาจส่งผลลบต่อภาคการบริโภคและการลงทุนภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจเผชิญกับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในปีหน้า
ที่อาจจะมีน้ำหนักต่อการพิจารณาจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คงมาจาก 2
ปัจจัยหลัก ได้แก่ พัฒนาการของประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังมีความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจจะปรับเพิ่มภาษีการค้าจีนในรอบ 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นปี 2562 รวมทั้ง อาจจะพิจารณาเก็บภาษีสินค้าที่เหลือของจีนอีก
2.67 แสนล้านดอลลาร์ฯ ยังมีอยู่
ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2562 อย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้ทางการจีนดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น
สวนทางกับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
อันอาจจะเป็นประเด็นสร้างความผันผวนของตลาดเงินในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้ง
กดดันให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงได้อีก อันกลายเป็นปัจจัยที่กระทบต่อการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน
ซึ่งโดยรวมจะมีผลต่อแนวโน้มการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่คงปรับลดลง นอกจากนี้ คงต้องติดตาม
ผลกระทบต่อความผันผวนของตลาดการเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่
จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของเฟด เนื่องจากความเปราะบางของเศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่หลายๆ
ประเทศยังไม่ได้รับการแก้ไข
ทำให้มีโอกาสที่ประเทศที่มีเสถียรภาพเศรษฐกิจต่างประเทศอ่อนแออาจจะเผชิญความผันผวนของค่าเงิน
และกดดันให้ค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลงได้ รวมทั้ง
อาจส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินอาจมีความแตกต่างกันมากขึ้น
ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่คงผันผวนมากขึ้น
ทั้งนี้
ภายใต้สุมมุติฐานที่ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับที่จำกัด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า
คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจจะเริ่มพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายไตรมาส
1/2562 หากโมเมนตัมของการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น