Display mode (Doesn't show in master page preview)

25 กันยายน 2563

สถาบันการเงิน

สินเชื่อ PLoans ไม่มีหลักประกันปี 63...คาดหดตัว 6.0% (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3142)

คะแนนเฉลี่ย

​         ​สภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากผลของการแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างโจทย์ท้าทายให้กับผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล (PLoans) ทั้งในฝั่งธนาคารพาณิชย์และนอนแบงก์ เพราะโจทย์สำคัญไม่ใช่แค่เพียงการปรับกลยุทธ์เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายก่อนคู่แข่งเพื่อเพิ่มยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ แต่จะมีเรื่องการเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในพอร์ตด้วยเช่นกัน ดังนั้นทิศทางในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 จึงออกมาเป็นภาพของยอดคงค้างสินเชื่อ PLoans ที่หดตัวลงถึง 3.5% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562 โดยสินเชื่อ PLoans ที่ไม่มีหลักประกันหดตัวลงถึง 7.5% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2562

            ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การหดตัวของพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน (PLoans ที่ไม่มีหลักประกัน) นับตั้งแต่ต้นปี 2563 สะท้อนผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อสินเชื่อปล่อยใหม่ และการตัดขายหนี้เสียเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาในเชิงรุก โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นภาพกลับด้านจากที่มีการเร่งปล่อยสินเชื่อมากในปี 2562 ที่ผ่านมา และสำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 นั้น คาดว่า ภารกิจของธนาคารและนอนแบงก์ในการเร่งปรับโครงสร้างหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้และสกัดการเร่งตัวของสินเชื่อด้อยคุณภาพอาจเป็นโจทย์ที่ยากมากขึ้น เนื่องจากจะต้องเตรียมการสำหรับการรับรู้สถานการณ์ลูกหนี้ที่จะทยอยพ้นจากมาตรการช่วยเหลือในระยะข้างหน้า ขณะที่มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อใหม่อาจต้องรัดกุมและมีการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้อย่างรอบคอบ เพราะเมื่อเศรษฐกิจเผชิญภาวะชะลอตัวเป็นเวลานานย่อมมีผลกระทบต่อเนื่องมายังความมั่นคงทางด้านรายได้ การมีงานทำ และความสามารถในการชำระคืนหนี้ของลูกหนี้ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สินเชื่อ PLoans ที่ไม่มีหลักประกันอาจหดตัวลงประมาณ 6.0% ในปี 2563 ขณะที่ NPLs ของสินเชื่อ PLoans ที่ไม่มีหลักประกันทั้งระบบอาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นไม่เกินกรอบ 4.0% ในปีนี้ เนื่องจากสถาบันการเงินเร่งดำเนินการในเชิงรุกในการปรับโครงสร้างหนี้และการจัดการปัญหาคุณภาพของสินเชื่อด้วยการตัดขายหนี้เสีย

            อย่างไรก็ดี สินเชื่อส่วนบุคคลจะยังคงเป็นเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของทั้งธนาคารและนอนแบงก์เพื่อช่วยประคองทิศทางรายได้ดอกเบี้ย โดยนอนแบงก์อาจชะลอการขยายพอร์ตสินเชื่อสำหรับกลุ่มที่มีรายได้ไม่สูง และขยับขึ้นมาใช้กลยุทธ์ด้านราคาสำหรับลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลางซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ผู้ประกอบการฝั่งธนาคารจะมีจุดเด่นในด้านการพัฒนาแพลตฟอร์ม/แอปพลิเคชัน ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาโมเดลการปล่อยกู้ผ่านช่องทางดิจิทัล (แม้จะยังอยู่ในระยะเริ่มต้นทดลอง) ขึ้นมาเสริมการทำตลาดผ่านช่องทางแบบเดิม รวมถึงการนำเสนอแคมเปญพิเศษให้กับลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มที่ใช้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นกับธนาคาร หรือกลุ่มลูกค้าที่อยู่บนแพลตฟอร์มของพันธมิตร ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่เชื่อมต่อกัน เพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต  


ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


สถาบันการเงิน