Display mode (Doesn't show in master page preview)

14 สิงหาคม 2568

Econ Digest

หากไทยนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ จะทำให้ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง 8%

คะแนนเฉลี่ย
  • ไทยมีผลผลิตข้าวโพดต่ำกว่าความต้องการราว 3.8 ล้านตันต่อปี ทำให้ต้องนำเข้าเพื่อรองรับความต้องการอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2568 คาดว่าความต้องการอาหารสัตว์ของไก่และหมูจะโต 3.7%  
  • ไทยจะได้ประโยชน์จากการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯในราคาเฉลี่ยที่ 254 ดอลลาร์ฯต่อตัน ซึ่งถูกกว่าที่ไทยซื้อจากแหล่งนำเข้าหลักอย่างเมียนมาและสปป.ลาวอยู่ราว 47-118 ดอลลาร์ฯต่อตัน 
  • การนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ จะส่งผลบวกต่อผู้ผลิตอาหารสัตว์และผู้เลี้ยงสัตว์ให้มีต้นทุนลดลง แต่จะส่งผลลบต่อผู้ปลูกข้าวโพดจากราคาที่ลดลง อย่างไรก็ดี ไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกเนื้อไก่ที่เลี้ยงด้วยข้าวโพด GMO

ข้าวโพด เป็นสินค้าที่ไทยผลิตได้ไม่เพียงพอและต้องนำเข้า 
  • ไทยมีผลผลิตข้าวโพดต่ำกว่าความต้องการราว 3.8 ล้านตันต่อปี (รูปที่ 1) โดยไทยมีความต้องการข้าวโพดเพื่อผลิตอาหารสัตว์อยู่ราว 8.5 ล้านตันต่อปี แต่ผลิตได้เพียง 4.8 ล้านตันต่อปี 
  • ไทยจำเป็นต้องนำเข้าข้าวโพด เพื่อรองรับความต้องการอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น โดยไทยนำเข้าข้าวโพดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.8% ต่อปีในช่วงปี 2563-2567 เพื่อรองรับความต้องการอาหารสัตว์ของไก่และหมูที่เติบโตเฉลี่ย 0.3% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน 
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 2568 ไทยจะนำเข้าข้าวโพดอยู่ที่ 2.06 ล้านตัน ขยายตัว 1.9% จากปีก่อน
ข้าวโพดนำเข้าจากสหรัฐฯ มีราคาถูกกว่าแหล่งนำเข้าหลักของไทย ส่งผลดีต่อภาคปศุสัตว์ไทย 
        สหรัฐฯเป็นผู้ผลิตข้าวโพดอันดับ 1 ของโลก ซึ่งมีราคาถูกจากการประหยัดต่อขนาด ทำให้การนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ จะส่งผลดีต่อผู้เล่นหลักในห่วงโซ่ปศุสัตว์ไทย ดังนี้
 
  • ผู้ผลิตอาหารสัตว์ จะได้รับต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์ที่ลดลง เนื่องจากไทยสามารถซื้อข้าวโพดจากสหรัฐฯได้ถูกกว่าคู่ค้าหลักของไทยอย่างเมียนมาและสปป.ลาวอยู่ราว 47-118 ดอลลาร์ฯต่อตัน (รูปที่ 2) ทั้งนี้ ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบหลักของอาหารไก่และหมูเฉลี่ยที่ 52.2% ของปริมาณอาหารไก่และหมูทั้งหมด   
  • เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ จะมีต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง โดยหากไทยนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ แทนการนำเข้าจากเพื่อนบ้านทั้งหมด จะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่และหมูของไทยรวมกว่า 2.85 แสนราย  ได้รับประโยชน์จากราคาอาหารสัตว์ที่ลดลง 8% 
 
        อย่างไรก็ดี การที่ไทยเปิดนำเข้าข้าวโพดราคาถูกจากสหรัฐฯ จะส่งผลลบโดยตรงต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในประเทศกว่า 4.2 แสนครัวเรือน ให้ต้องเผชิญราคาข้าวโพดที่ลดลง โดยขนาดของผลกระทบจะแบ่งเป็นช่วงเวลาได้ดังนี้ 

  • ในปี 2568 ผลกระทบต่อราคามีจำกัด เนื่องจากภาครัฐไทยกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาหลักเกณฑ์การนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ทำให้คาดว่าการนำเข้าจะเกิดขึ้นได้เพียงบางส่วนในช่วงปลายปี 
  • ตั้งแต่ปี 2569 คาดว่าผลกระทบต่อราคาจะเพิ่มขึ้น จากการนำเข้าข้าวโพดราคาถูกจากสหรัฐฯ ทำให้ราคาข้าวโพดในประเทศปรับลดลงและซ้ำเติมรายได้เกษตรกร 

ทั้งนี้ เงื่อนไขการนำเข้าที่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาในประเทศไม่มากนัก เช่น    
  • ช่วงเวลาที่นำเข้าต้องไม่ตรงกับช่วงที่ผลผลิตข้าวโพดไทยกำลังออกสู่ตลาด โดยผลผลิตข้าวโพดของไทยมักออกสู่ตลาดจำนวนมากในช่วงไตรมาสสุดท้าย คิดเป็น 69.2% ของผลผลิตข้าวโพดทั้งปี
  • โควตานำเข้าต้องเป็นปริมาณที่น้อยกว่าที่ไทยขาดแคลน 
        นอกจากนี้ ไทยไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการส่งออกเนื้อไก่ ที่เลี้ยงด้วยข้าวโพด GMO (Genetically Modified Organism)  จากสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาด EU เพราะ
  • ปัจจุบันไทยมีการส่งออกเนื้อไก่ที่เลี้ยงด้วยพืช GMO เช่น กากถั่วเหลือง ไปยัง EU อยู่ก่อนแล้ว โดยมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยกว่า 9.4% ต่อปี
  • องค์การอนามัยโลกระบุว่า เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยพืช GMO ไม่มีผลต่อสุขภาพผู้บริโภค เนื่องจากสารพันธุกรรมในพืช GMO จะถูกย่อยสลายไปในระบบทางเดินอาหารของสัตว์  



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest