Display mode (Doesn't show in master page preview)

18 มิถุนายน 2568

Econ Digest

การเร่งส่งออกไทย 5 เดือนแรกโตสูงกว่าที่คาด ส่งผลทั้งปี 2568 มีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ราว 1.5%

คะแนนเฉลี่ย
  • การส่งออกไทยเดือนพ.ค. 2568 ยังเร่งตัวต่อเนื่องและสูงกว่าคาดที่ 18.4%YoY มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 31,044.6 ล้านดอลลาร์ฯ ในขณะที่การนำเข้าก็เร่งตัวสูงกว่าคาดเช่นกัน

•    การเร่งส่งออกไทยอยู่ในหมวดคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เห็นการส่งออกเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ จีน และฮ่องกง ก่อนมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้
•    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยชั่วคราว ได้แก่ การส่งออกรถยนต์ไปตลาดออสเตรเลียกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 13 เดือน โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการเร่งนำเข้าเพื่อเตรียมรับมาตรฐานประสิทธิภาพพลังงานรถยนต์ใหม่ (NVES)  และการส่งออกทุเรียนสดไปจีนที่กลับมาหนุนการส่งออกในเดือนนี้ หลังผลผลิตออกมาล่าช้ากว่าปกติและมีปริมาณสูงกว่าปีก่อนหน้า
•    อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้าขยายตัวสูงกว่าที่คาด โดย 5 เดือนแรกของปีขยายตัวที่ 11.3%YoY อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตไทยยังอยู่ในภาวะซบเซา โดย 4 เดือนแรกหดตัว 0.8%YoY สะท้อนว่าการส่งออกที่เร่งตัวไม่ได้ส่งผลมายังภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทยมากเท่าที่ควร
รูปที่ 1 การส่งออกไทยถูกขับเคลื่อนหลักจากการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ 

  • ในเบื้องต้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2568 มีแนวโน้มพลิกขยายตัวเป็นบวกที่ราว 1.5% เนื่องจาก 5 เดือนแรกมีการเร่งส่งออกสูงกว่าคาด โดยขยายตัวที่ 14.9%YoY 
  • ขณะที่ยังคงมุมมองการส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงหดตัวลึก เนื่องจากมีการเร่งส่งออกสูงในช่วงก่อนหน้า และอุปสงค์โลกมีแนวโน้มชะลอลง ท่ามกลางการเจรจาภาษีกับคู่ค้าต่างๆ ของสหรัฐฯ เป็นไปอย่างล่าช้าและมีความไม่แน่นอน 
  • ทั้งนี้ หากหลังวันที่ 9 ก.ค. ไทยสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ และอัตราภาษีนำเข้าคงอยู่ที่ 10% การส่งออกไทยจะขยายตัวสูงกว่ากรณีฐานราว 1% 

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น