สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่า ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางของเงินเยน เงินหยวน และสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับอานิสงส์จากการขยับขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ตามกระแสการคาดการณ์ของตลาดถึงความเป็นไปได้ว่า อดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งทำให้ตลาดกลับมาเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ยังถูกดดันจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ระบุว่า เฟดมีความคืบหน้ามากขึ้นในการทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมาย แม้จะต้องใช้เวลาอีกระยะที่จะทำให้มั่นใจมากขึ้นก็ตาม
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 8-12 ก.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 36.30-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาค ถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ และมุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยของเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่น ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนผลการประชุมธนาคารกลางนิวซีแลนด์และธนาคารกลางเกาหลีใต้
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงแรกแต่กลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้ในช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางในวันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่มาตรการ Uptick rule มีผลบังคับใช้ ก่อนจะร่วงลงแรงและหลุด 1,300 จุดในเวลาต่อมา โดยมีปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการเมืองในประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงขายหุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรม นำโดย เทคโนโลยี ไฟแนนซ์และอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค หลังจากประธานเฟดระบุว่า มีความคืบหน้าในการทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่เป้าหมาย นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืนในหุ้นหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ก่อนการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2567 และรายงานข่าวความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อนึ่งแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติชะลอลงบางส่วนในสัปดาห์นี้
- สัปดาห์ที่ 8-12 ก.ค. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,300 และ 1,290 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,325 และ 1,335 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย ประเด็นการเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ และจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น