สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่า ทั้งนี้เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือนครึ่งที่ระดับ 35.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงเทขายเงินดอลลาร์ฯ หลังจากข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เดือนก.ค. ออกมาแย่กว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด ซึ่งหนุนโอกาสการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุมเดือนก.ย. นี้ อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกอ่อนค่าในช่วงกลางสัปดาห์ตามปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นตามแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ตัวเลขดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาส่งสัญญาณว่า แม้เฟดอาจมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้ แต่ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับต่ำ ณ ขณะนี้ เงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามสัญญาณฟันด์โฟลว์ซื้อพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการทะยานขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 12-16 ส.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 34.90-35.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัจจัยทางการเมืองของไทย ทิศทางเงินเยนและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนีราคาผู้ผลิตดัชนีราคาผู้บริโภคและยอดค้าปลีกเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของอังกฤษ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของยูโรโซน ญี่ปุ่น และอังกฤษ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนก.ค. อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร และอัตราการว่างงาน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในช่วงต้นสัปดาห์ก่อนจะทยอยฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ทั้งนี้หุ้นไทยร่วงลงแรงเกือบ 40 จุดและแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี 9 เดือนที่ 1,273.17 จุดในช่วงต้นสัปดาห์ โดยการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยสอดคล้องกับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังข้อมูลตลาดแรงงานของสหรัฐฯ หลายตัวออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่มีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับมีแรงซื้อคืนหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสารและกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดีกรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยในช่วงปลายสัปดาห์ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีวันหยุดยาวและนักลงทุนยังรอติดตามประเด็นการเมืองในประเทศในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด
- สัปดาห์ที่ 12-16 ส.ค. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,290 และ 1,280 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,310 และ 1,320 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ประเด็นการเมืองในประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของบจ.ไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2567 ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น