สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 32.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนฟื้นตัวกลับบางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาททยอยอ่อนค่าผ่านระดับสำคัญทางจิตวิทยาหลายแนวในสัปดาห์นี้ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และการคาดการณ์ของตลาดต่อโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของกนง. ในการประชุมช่วงกลางสัปดาห์ (8 ต.ค.) หลังตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนก.ย. ออกมาต่ำกว่าที่คาด อย่างไรก็ดี เงินบาทปรับแข็งค่าไปที่แนว 32.40 ช่วงสั้นๆ หลังกนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 1.50% ก่อนจะอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เนื่องจากตลาดประเมินว่า แม้กนง. จะคงดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลง ทำให้ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติมอีกในระยะข้างหน้า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน (นับตั้งแต่ 4 ส.ค.) ที่ 32.82 สอดคล้องกับแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนจากทิศทางที่อ่อนค่าของเงินเยนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และแรงกดดันของเงินยูโรจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวของตลาดการเงินในประเทศ
- สัปดาห์ระหว่างวันที่ 13-17 ต.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สถานการณ์ชัตดาวน์ของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รายงาน Beige Book ของเฟด ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน (เช่น การส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต) ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของยูโรโซน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน โดยแตะจุดสูงสุดรอบกว่า 8 เดือนครึ่งระหว่างสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงแรงช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ เนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาหนุน ประกอบกับตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของไทยออกมาติดลบต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มีความกังวลต่อความเสี่ยงของภาวะเงินฝืดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี SET Index ดีดตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด ในเวลาต่อมา ขานรับปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ประกอบกับมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ SET Index ปรับตัวในกรอบแคบช่วงกลางสัปดาห์ ก่อนจะดีดตัวขึ้นอีกครั้งตามแรงซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า (ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากโครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง หรือ Direct PPA) อย่างไรก็ดี หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนครึ่งที่ระดับ 1,317.88 จุด SET Index พลิกกลับมาร่วงลงแรงในช่วงท้ายสัปดาห์ หลังหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่แห่งหนึ่งเข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 รวมถึงหุ้นสายการบินรายใหญ่แห่งหนึ่งจากความกังวลเรื่องความเป็นอิสระของบอร์ดผู้บริหาร
- สัปดาห์ที่ 13-17 ต.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,270 และ 1,245 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,315 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของยูโรโซน อังกฤษและญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ย. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น