สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
• เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนพลิกแข็งค่ากลับมาตามราคาทองคำโลกที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของประธานเฟดซึ่งทำให้ตลาดประเมินว่า จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็ว นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่าขึ้นตามสัญญาณสะท้อนความตึงเครียดของสงครามการค้า หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า จะมีการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศ และจะมีการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) กับประเทศที่มีการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะพลิกแข็งค่ากลับมาตามราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเนื่องจากตลาดประเมินว่า มาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐฯ อาจจะยังไม่เริ่มในเร็วๆ นี้
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 ก.พ. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของไทย สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 ม.ค. การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย และธนาคารกลางอินโดนีเซีย
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนก่อนจะปิดลบช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้า หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศ อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นการเรียกเก็บภาษีข้างต้นหลังประเมินว่าไทยน่าจะได้รับผลกระทบในกรอบจำกัด ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากประเด็นข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังมีแนวคิดจะปรับปรุงเงื่อนไขกองทุน LTF เพื่อพยุงตลาดหุ้นไทย รวมถึงแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ดัชนีหุ้นไทยพลิกร่วงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยเผชิญแรงกดดันจากแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะหุ้นผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ประกอบกับบรรยากาศยังคงถูกดดันจากความไม่แน่นอนของประเด็นสงครามการค้าโดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ เตรียมเดินหน้าเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) จากทุกประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ
• สัปดาห์ที่ 17-21 ก.พ. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,250 และ 1,235 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,300 และ 1,310 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2567 ของไทย ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.พ. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ บันทึกการประชุมเฟด และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนก.พ. ของจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น