สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
• เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนอ่อนค่าลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามทิศทางเงินเยนที่อ่อนค่าลงจากการคาดการณ์ว่า BOJ อาจยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากภาวะชัตดาวน์หน่วยงานราชการสหรัฐฯ ที่สิ้นสุดลง หลังคองเกรสสามารถตกลงร่วมกันในเรื่องกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายแล้ว อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในระหว่างสัปดาห์ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะกลับมาประกาศหลังชัตดาวน์ อาจออกมาอ่อนแอ แต่กรอบการแข็งค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด และเงินบาทกลับไปอ่อนค่าลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์ฯ เนื่องจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านยังคงส่งสัญญาณกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้จังหวะการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ยังมีความไม่แน่นอน
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 17-21 พ.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.10-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของไทยและญี่ปุ่น ตัวเลขส่งออกเดือนต.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 28-29 ต.ค. การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น และข้อมูล PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุด ท่ามกลางแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ทั้งนี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงแรก ก่อนจะร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหลัก ๆ จากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ นำโดย แรงขายทำกำไรหุ้นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง และหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังบริษัทค้าปลีกรายใหญ่แห่งหนึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ซึ่งค่อนข้างอ่อนแอ ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมา ขานรับข่าวสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ (ที่ทำสถิติรอบนี้ยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ) สิ้นสุดลง แต่กรอบการปรับขึ้นค่อนข้างจำกัดเนื่องจากยังคงเผชิญแรงขายต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ย ซึ่งทำให้การประชุมรอบถัดไปของเฟดยังคงมีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีตามทิศทางหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
• สัปดาห์ที่ 17-21 พ.ย. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,230 และ 1,200 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,300 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของไทยและญี่ปุ่น ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ บันทึกการประชุมเฟด ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ อังกฤษ ยูโรโซนและญี่ปุ่น ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนพ.ย. ของจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น